เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผย รัฐบาลมีแผนส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ มูลค่า 46,100 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยนับเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายอดขายในปี 2010 เกือบ 2 เท่า
ในช่วงปีงบประมาณ 2011 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ วอชิงตันหวังจะขายอุปกรณ์ และบริการทางทหาร ด้วยระบบการขายทางทหารให้กับต่างชาติ หรือเอฟเอ็มเอส โดย 79% ของการส่งออกจะได้เงินจากประเทศ และองค์กรต่างๆ ที่เป็นลูกค้า ส่วนที่เหลือมาจากโครงการช่วยเหลือของสหรัฐฯ
การขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ถูกจำกัดอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2000 แต่เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์หลังปี 2005 เป็นต้นมา
พลเรือโทวิลเลียม แลนเดย์ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงทางกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2005-2010 มีการส่งออกอาวุธ สินค้า และบริการให้แก่ประเทศคู่ค้า ด้วยระบบเอฟเอ็มเอสมูลค่า 96,000 ล้านดอลลาร์
เขาชี้ว่า 10 ปีก่อนหน้านี้ ลูกค้าส่วนใหญ่สนใจซื้ออาวุธต่างๆ ด้วยราคาที่ต่ำที่สุด แม้ว่านั่นจะทำให้การขนส่งใช้เวลานาน แต่สงครามอัฟกานิสถาน และปฏิบัติการทางทหารของกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ ลูกค้าต้องการกระบวนการจัดซื้อที่รวดเร็วกว่า ซึ่งอธิบายถึงการส่งออกอาวุธของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
หลายประเทศ ที่ร่วมในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในลิเบีย เช่น เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี นอร์เวย์ และอังกฤษ ได้ติดต่อสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงทางกลาโหมของสหรัฐฯ เพื่อเสริมอาวุธในสต๊อกที่ร่อยหรอลงไปในปฏิบัติการดังกล่าว
การส่งออกที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ดีเอสซีเอต้องทบทวนกระบวนการต่างๆ ที่จะให้แน่ใจว่าการขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น โดยการกำหนดประเภทของอาวุธ หรืออุปกรณ์ทางทหาร ที่ต้องส่งให้ถึงมือลูกค้าก่อน
แลนเดย์เสริมว่า ในขณะนี้ มีการทำสัญญาซื้อขายอาวุธ และบริการทางทหารมากกว่า 13,000 ฉบับ กับ 165 ประเทศ รวมมูลค่าราว 327,000 ล้านดอลลาร์