เอเอฟพี - ญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เอฟ-35 ผลผลิตของสหรัฐฯ เข้าประจำการเป็นยุทโธปกรณ์หลักปกป้องน่านฟ้าแดนอาทิตย์อุทัย ในสัญญาซื้อขายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สื่อท้องถิ่นหลายสำนักรายงาน วันนี้ (13)
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ข้อตกลงเลือก เอฟ-35 ของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ประจำการแทนฝูงบินขับไล่ เอฟ-4 ที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน โดยมองข้ามอีก 2 ตัวเลือกสำคัญ ทั้งเอฟ/เอ-18 ซูเปอร์ ฮอร์เน็ต ของโบอิ้ง และยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น หนังสือพิมพ์โยมิอูริชิมบุนรายงาน
โยมิอูริชิมบุน หนังสือพิมพ์รายวันที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น รายงานว่า กระทรวงกลาโหมได้ข้อสรุปเบื้องต้นเลือกเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เอฟ-35 โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ (16) ณ สภาความมั่นคงแห่งญี่ปุ่น ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ นั่งเป็นประธาน
ด้านสำนักข่าวเกียวโดเสนอข้อมูลอ้างแหล่งข่าวภายในรัฐบาลว่า กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นตัดสินใจซื้อสเตลท์ เอฟ-35 จำนวน 40 ลำ ขณะที่หนังสือพิมพ์นิกเกอิ สื่อธุรกิจชั้นนำ ระบุเพียงว่า เอฟ-35 เป็น “ตัวเลือกอันดับแรก” แต่ยังไม่มีการตัดสินใจซื้อ
ในรายงานก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นต้องการซื้อเครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีสเตลท์มากถึง 50 ลำ โดยตั้งงบประมาณไว้สูงกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 180,000 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นปฏิเสธการยืนยันรายงานข้างต้น ส่วนศูนย์ข่าวดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ส รายงานว่า โอซามุ ฟูจิมูระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ก็ปฏิเสธรายงานว่ากระทรวงกลาโหมมีการตัดสินใจไปแล้ว
ทั้งนี้ ราคาของเอฟ-35 ตกลำละประมาณ 113 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,500 ล้านบาท) สูงกว่าราคาของเอฟ/เอ-18 ซูเปอร์ ฮอร์เน็ต และยูโรไฟเตอร์ ไต้ฝุ่น อีกสองตัวเลือกของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น
ในเบื้องต้น ญี่ปุ่นต้องการนำเครื่องบินขับไล่สเตลท์ เอฟ-22 เข้าประจำการแทนฝูงบินขับไล่เดิม แต่กฎหมายสหรัฐฯ บัญญัติข้อห้ามส่งออกเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้ให้ต่างชาติ ขณะเดียวกัน รัฐบาลกรุงวอชิงตันก็อ้างว่าได้ยุติการสร้างเอฟ-22 แล้ว