ออสเตรเลียเตรียมระบายน้ำจาก “เขื่อนวิเว็นโฮ” ป้องกันอุทกภัยถล่มบริสเบน

เอเอฟพี - ออสเตรเลียจะเริ่มระบายน้ำออกจากเขื่อนขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศในสัปดาห์นี้ หลังมีการพยากรณ์ว่า บริสเบนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 อาจต้องเผชิญวิกฤตอุทกภัยอีกครั้งหากเกิดฝนตกหนัก

เจ้าหน้าที่รัฐควีนส์แลนด์ เปิดเผยว่า เขื่อนวิเว็นโฮ ใกล้เมืองบริสเบน จะทำการพร่องน้ำเป็นเวลา 12 วัน หลังสำนักอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่า จะมีพายุโหมกระหน่ำเข้าสู่ภูมิภาคดังกล่าว

ฝนที่ตกหนักเมื่อต้นปีที่ผ่านมาส่งผลให้เมืองต่างๆ ในรัฐควีนส์แลนด์ถูกน้ำท่วมสูง อาคารบ้านเรือนและรถยนต์ถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบราย

น้ำจากแม่น้ำที่เอ่อล้นตลิ่งได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 30,000 หลังในย่านธุรกิจของเมืองบริสเบน และทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาตนานหลายวัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 100 ปี

แอนดรูว์ เฟรเซอร์ รองผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ ระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจพร่องน้ำจากเขื่อนให้เหลือเพียง 75 เปอร์เซ็นต์จากระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน หลังได้รับคำเตือนจากนักอุตุนิยมวิทยาว่า ฤดูร้อนปีนี้อาจมีฝนตกชุกเป็นพิเศษ

“อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้รับคำเตือนว่าจะมีฝนตกมากเหมือนปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนยังไม่ต้องตื่นตระหนก” เฟรเซอร์ ให้สัมภาษณ์

“แต่หากเกิดสถานการณ์รุนแรงเช่นปีที่แล้ว บริสเบนก็จะยังถูกน้ำท่วมอยู่ดี”

“สำหรับผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายเมื่อปีก่อน คงยากจะทำใจได้หากคิดว่าต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นอีก แต่มาตรการพร่องน้ำล่วงหน้านี้หมายความว่า เรามีความพร้อมมากกว่าเดิมที่จะจัดการกับปัจจัยทางธรรมชาติในอนาคต” เฟรเซอร์กล่าวเสริม

เขื่อนวิเว็นโฮสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 2 เท่าของปริมาณน้ำในอ่าวซิดนีย์ และรัฐบาลท้องถิ่นก็เคยถูกวิจารณ์ที่ไม่เตรียมการระบายน้ำล่วงหน้า ก่อนที่พายุไซโคลนจะพัดกระหน่ำจนเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อเดือนมกราคม

สำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่ทางตอนเหนือ, ตะวันออก และตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลียจะมีปริมาณฝนเกินกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็นอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญาในมหาสมุทรแปซิฟิก

“คาดว่าปรากฎการณ์ลานีญาในปีนี้จะไม่รุนแรงเท่าช่วงรอยต่อของปี 2010-2011” สำนักอุตุนิยมวิทยาเผยสัปดาห์นี้

ลานีญา เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฎการณ์ซึ่งอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรทางตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก ลดต่ำลงผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักในทวีปเอเชียและออสเตรเลีย