ผ่าประเด็นร้อน
แม้จะผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ภาพที่เคยสร้างเอาไว้ว่า ทำงานแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานฉับไว เอาเข้าจริงทำท่าว่าเป็นเพียงแค่ “ราคาคุย” และกำลังจะย้อนกลับมาเป็นภัยให้กับตัวเองมากขึ้นทุกที
หลายกรณีที่กำลังเผชิญอยู่ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้เจ๋งจริงอย่างที่สร้างภาพเอาไว้ให้ชาวบ้านได้หลงเชื่อ มิหนำซ้ำกำลังส่อไปทาง “ปัดความรับผิดชอบ” ให้ร้ายป้ายสีคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความไร้ประสิทธิภาพของตัวเองเสียอีก
ขณะเดียวกันสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กำลังดำเนินการอย่างเร่งรีบกลับเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ “ส่วนตัว” และพวกพ้องทั้งสิ้น ซึ่งบางเรื่องถึงกับมีการกำหนดเป็นตารางเวลาเอาไว้เลยว่าต้องทำเมื่อใดและจะสำเร็จในตอนไหน ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เมื่อสำรวจความรู้สึกของชาวบ้านได้สะท้อนออกมาว่ารู้สึก “ผิดหวัง” กับการบริหารงานของรัฐบางชุดนี้เร็วเกินคาด
หากจะชี้ให้เห็นถึงวิธีการบริหารงานที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ก็ต้องพิจารณาจากการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่กำลังประสบปัญหาจากภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และไหลลงมาที่จังหวัดท้ายน้ำในภาคกลาง อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่าปริมาณน้ำในปีนี้มีจำนวนมหาศาล และท่วมต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากวิธีการแก้ปัญหา ช่วยเหลือชาวบ้านมันก็ไม่ได้แตกต่างกัน หรือสร้างความหวังใหม่ๆ ได้เลย
มาตรการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำหนดออกมา รวมไปถึงความช่วยเหลือที่ลงไปล้วนมีความรู้สึกว่าล่าช้า และไม่ทันการณ์เหมือนเดิม ขณะเดียวกัน การให้ความช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ถูกกระแสน้ำพัดพาบ้านพังจนเสียหายทั้งหลังที่เดิมคิดกันว่าจะช่วยเหลือหลังละ 5,555 บาท แต่ลดลงมาเหลือ 5,500 บาท มากกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ให้ 5,000 บาท ซึ่งภาพที่ออกมามันก็เหมือนกับการ “เกทับ” กันทางการเมือง
นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า งบประมาณในการช่วยเหลือไม่เพียงพอ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วถลุงไปหมดแล้ว รวมไปถึงแสดงท่าทีจะตรวจสอบ 162 โครงการทิ้งทวนของรัฐบาลก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนรับรู้กันไปแล้วว่ามันมีเรื่องไม่ชอบมาพากล สื่อไปในทางทุจริต แต่สิ่งที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องเร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านให้ได้ เพราะภาพที่ปรากฏอยู่ในเวลานี้ก็คือ เริ่มมีเสียงบ่นเข้ามามากขึ้นว่าการแก้ปัญหาล่าช้า ไม่ทั่วถึงและไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่พยายาม “กลบเกลื่อน” หรือปกปิดความจริง
ขณะที่อีกด้านหนึ่งสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กำลังดำเนินการอย่างฉับไวกลับเป็นเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของคนในครอบครัว โดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น อย่างเช่นเวลานี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการผลักดันอย่างเข้มข้นก็คือ ทำทุกทางเพื่อให้ “พี่เมียทักษิณ” คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตราชการก่อนเกษียณอายุราชการในปีหน้า อีกทั้งจะได้ค้ำบัลลังก์รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยไม่สนใจความรู้สึกของข้าราชการคนอื่นที่จะต้องถูกโยกย้ายออกไป
ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อล้างความผิดให้กับทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงนักการเมืองคนอื่นๆที่ทำผิดกฎหมายให้กลับมามาอำนาจอีกครั้ง โดยล่าสุดมีการกำหนด “ตารางเวลา” ดำเนินการออกมาแล้วอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมไปถึงความพยายามในการขอพระราชการอภัยโทษให้กับทักษิณ โดยไม่สนใจว่าจะกระทำผิดระเบียบอย่างไร
นี่ยังไม่นับกรณีก่อนหน้านี้ในเรื่องการล็อบบี้รัฐบาลญี่ปุ่นให้ออกวีซ่าให้ ทักษิณ เข้าประเทศ ข่าวการอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจด้านพลังงานเข้ามาเจรจาฮุบพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย หรือแม้แต่การ “บำเหน็จรางวัล” ให้กับพวก “หัวโจก” คนเสื้อแดง ให้ได้รับตำแหน่งทางการเมือง สารพัด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องเครือญาติ คนกันเองทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้กลายเป็นว่ารัฐบาล “ทำทันที” ไม่สนใจว่าจะขัดกับความรู้สึกของชาวบ้าน ขัดกับกฎหมายอย่างไรก็ไม่สนใจ คิดแต่เพียงว่าพวกเขาได้รับการเลือกตั้ง มีเสียงข้างมาก จะทำอะไรก็ได้
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ออกมาเป็นตรงกันข้ามแบบนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่ความรู้สึกของชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนไป เพราะสิ่งที่เห็นมันก็ดูพื้นๆ ไม่เห็น “พิเศษ” กว่าคนอื่นตรงไหน เพราะสิ่งที่เห็นจากปัญหาน้ำท่วมในเบื้องต้นก็ยังถือว่า “สอบไม่ผ่าน” ยังไม่มีแนวโน้มที่พอมีความหวังว่าจะแตกต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้วอย่างไร มีแต่เสียงแก้ตัวแล้วว่าไม่มีงบประมาณ โบ้ยฝ่ายตรงข้ามเหมือนกับพยายามกลบเกลื่อนในเรื่องสำคัญ ผิดไปจากคำสัญญาที่ให้ไว้ในตอนหาเสียง
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ผลสำรวจเริ่มสะท้อนกลับว่าชาวบ้านเริ่มไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นก็คือ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น!!