เอเอฟพี - ชาวออสเตรเลียหลายพันคนต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือน วันนี้ (5) หลังกระแสน้ำไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนในรัฐควีนส์แลนด์ที่เพิ่งเผชิญพิษอุทกภัยไปเมื่อต้นปีที่แล้ว และล่าสุดพบผู้เสียชีวิต 1 ราย
ตำรวจสั่งให้ประชาชน 3,800 คน ในเมืองเซนต์จอร์จ ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ อพยพไปยังที่ปลอดภัยโดยด่วน เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้ถนนสายเดียวที่ยังเหลืออยู่ถูกตัดขาด
ที่เมืองโรมา ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางเหนือ กระแสน้ำพัดพาหญิงคนหนึ่งจมหายไปพร้อมกับรถยนต์ของเธอ กลายเป็นเหยื่อรายแรกที่สังเวยชีวิตให้แก่อุทกภัยปีนี้ โดยหน่วยกู้ภัยพบร่างของเธอหลังจากหายตัวไปได้ 2 วัน
“ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเซนต์จอร์จ ขอให้อพยพออกจากพื้นที่โดยรถยนต์ ก่อนที่ถนนมูนนี ไฮเวย์ จะถูกตัดขาด ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงเย็นวันอาทิตย์นี้ (5)” คำสั่งอพยพของตำรวจ ระบุ
“เราได้เตรียมเครื่องบินสำหรับอพยพประชาชนไปยังเมืองบริสเบน เพื่อให้มั่นใจว่า การอพยพจะยังดำเนินต่อไปได้แม้ถนน มูนนี ไฮเวย์ จะถูกตัดขาดโดยกระแสน้ำแล้วก็ตาม”
แม่น้ำบาลอนน์ ซึ่งเอ่อล้นตลิ่งเป็นครั้งที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี อาจมีระดับน้ำสูงสุดถึง 15 เมตรภายในวันอังคารนี้ (7) ซึ่งสูงกว่าสถิติ 13.4 เมตรที่บันทึกไว้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2010
นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ส่งเครื่องบินลำเลียงของทหารเพื่อย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลในเมืองเซนต์จอร์จ ไปยังแถบชายฝั่ง ส่วนผู้สูงอายุในศูนย์พักพิงก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปยังที่ปลอดภัยแล้วเช่นกัน
เมืองเซนต์จอร์จเคยเผชิญน้ำท่วมใหญ่มาแล้วถึง 2 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยครั้งแรกคือช่วงเดือนมีนาคม ปี 2010 และครั้งล่าสุดคือ มหาอุทกภัยทั่วทั้งรัฐควีนส์แลนด์ เมื่อปีที่แล้ว
สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย เตือนว่า เมืองเซนต์จอร์จจะมีระดับน้ำเทียบเท่ากับเดือนมีนาคม ปี 2010 ภายในเช้าวันพรุ่งนี้ (6) “และระดับน้ำจะยังเพิ่มสูงขึ้น จนอาจจะถึง 14 เมตร ภายในวันอังคารและวันพุธ”