เอเชียไทมส์ออนไลน์ - ฌอน ดับเบิลยู คริสพิน บรรณาธิการข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของเว็บไซต์ข่าวเอเชียไทมส์ออนไลน์ (www.atimes.com) เขียนบทวิจารณ์ ชี้ ความบกพร่องผิดพลาดของรัฐบาลในการรับมือกับอุทกภัยร้ายแรงคราวนี้ กำลังทำให้ภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกตั้งคำถามและถูกตรวจสอบ อีกทั้งมีหวังทำให้ความยอมรับนับถือ และความนิยมชมชอบในตัวเธอที่เคยมีอยู่อย่างสูงมากโดยเฉพาะในช่วงหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม ต้องจมดิ่งลงเหวอย่างแน่นอนในช่วงหลังน้ำลด
ในบทวิจารณ์ที่ใช้ชื่อว่า “It's all wet in Thailand” นายคริสพิน ระบุว่า ไม่ว่าจะพิจารณากันในแง่ในแง่มุมไหน ก็ต้องมีข้อสรุปว่า การรับมือกับภัยพิบัติคราวนี้ของคณะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นไปอย่างผิดพลาดบกพร่อง และขาดการร่วมมือประสานงานกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ
“ขณะเดียวกัน มันยังกลายเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขาดไร้ประสบการณ์ความจัดเจนทางการเมือง และไม่สามารถกำกับควบคุมคณะรัฐบาลของเธอได้” บทวิจารณ์บอก พร้อมกับชี้ว่า มีรายงานข่าวออกมาอย่างกว้างขวาง ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอซึ่งเวลานี้หลบหนีไปอยู่ต่างแดน คือ ผู้ที่คอยบริหารสั่งการคณะทำงานรับมือวิกฤตของเธอ จากที่มั่นของเขาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คริสพิน เขียนในบทวิจารณ์โดยตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นสู่อำนาจได้สำเร็จนั้น ได้มีการปลุกเร้ามวลชนด้วยประเด็นเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้น ตลอดจนด้วยการเสนอนโยบายประชานิยมด้านต่างๆ ที่มุ่งเอาอกเอาใจคนยากจน ทว่าในการรับมือกับภัยพิบัติร้ายแรงคราวนี้ รัฐบาลของเธอกลับให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ แก่เรื่องการป้องกันบรรดานิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนทรัพย์สินในเขตใจกลางกรุงเทพฯ ยิ่งกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนระดับรากหญ้า
บทวิจารณ์ชี้ด้วยว่า น้ำท่วมคราวนี้ก่อให้เกิดคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องการจัดลำดับความสำคัญในทางเศรษฐกิจและทางการเมืองของคณะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธอยังดึงดันที่จะดำเนินการตามนโยบายประชานิยมต่างๆ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เคยให้สัญญาไว้ในตอนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ถึงแม้สถานการณ์ของไทยในเวลานี้จะตกอยู่ในภาวะวิกฤตระดับชาติไปแล้ว
ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจจำนวนมาก เสนอว่า อุทกภัยคราวนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้จ่ายงบประมาณให้มากขึ้นในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงยกระดับประสิทธิภาพของระบบจัดการน้ำโดยองค์รวม เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องประสบวิกฤตทำนองนี้อีกในอนาคต ตลอดจนทำให้พวกนักลงทุนต่างชาติที่ไปตั้งโรงงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เกิดความมั่นอกมั่นใจขึ้นมาใหม่ ว่า น้ำท่วมปีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ ไม่ใช่ว่ากลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของประเทศไทย
คริสพิน ชี้ในบทวิจารณ์ว่า ถึงแม้มีเสียงทักท้วงและเรียกร้องให้พิจารณาทบทวนการเดินหน้าดำเนินการตามโครงการประชานิยมต่างๆ ทว่า เท่าที่ผ่านมารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ละเลยเพิกเฉยไม่รับฟัง ยิ่งกว่านั้น ยังมีสัญญาณต่างๆ เป็นต้นว่า คำแถลงซึ่งเผยแพร่โดยคณะทำงานประชาสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า “แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนทั้งหลาย” ที่ได้ประกาศออกมาก่อนหน้าการเกิดอุทกภัย รัฐบาลยังจะดำเนินต่อไปเพื่อ “ปรับปรุงฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย”
“การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำตามสัญญา และเดินหน้าดำเนินการโครงการเหล่านี้ คือสิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า เธอมีความจำเป็นที่จะต้องกอบกู้โมเมนตัมทางการเมืองที่จู่ๆ ก็เสียศูนย์หดหายไปอย่างฉับพลัน ทั้งๆ ที่ในช่วงก่อนหน้าจะเกิดอุทกภัยใหญ่ โมเมนตัมทางการเมืองเช่นนี้กำลังถูกผลักดันอย่างหนักหน่วงเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง ซึ่งก็คือ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่ในฐานะเป็นผู้ถูกพิพากษาลงโทษในคดีความผิดทางอาญา สามารถเดินทางกลับคืนประเทศไทยได้ในฐานะเสรีภาพภายในสิ้นปีนี้” บทวิจารณ์นี้ ระบุ
คริสพิน บอกว่า อุทกภัยคราวนี้ เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้เสียชีวิตและขอบเขตของความเสียหาย ได้ทำให้เสน่ห์ข้อเสนอแบบประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เสื่อมมนตร์ขลังไปเป็นอันมาก และแม้กระทั่งตั้งแต่ก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่เสียอีก ลัทธิประชานิยมในแบบของยิ่งลักษณ์ ก็ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเพียงการลอกเลียนอย่างหยาบๆ ไร้ความประณีต จากแผนการมุ่งเอาอกเอาใจคนยากคนจนฉบับดั้งเดิมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น