เอเจนซี - คนขับแท็กซี่ชาวอังกฤษ วัย 61 ปีรายหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด มอบร่างไร้วิญญาณของเขาให้แก่ทีมนักวิทยาศาตร์ เพื่อดองศพโดยใช้วิธีการเดียวกับการทำมัมมี่ฟาโรห์ตุตันคามุน เมื่อ 1,323 ปีก่อนคริสตกาล
อลัน บิลลิล คนขับแท็กซี่ในเมืองทอร์คีย์ ซึ่งชื่นชอบสารคดีเป็นชีวิตจิตใจ ตกลงที่จะยกร่างกายของเขาเพื่อทำมัมมี่ หลังเห็นโฆษณาทางทีวีว่าบริษัทแห่งหนึ่งต้องการถ่ายทำกระบวนการถนอมศพสไตล์อียิปต์โบราณ
เจเน็ต วัย 68 ปี ภรรยาของบิลลิส เผยว่า “เขาแค่บอกว่า 'ผมโทร.ไปหาบางคนเกี่ยวกับการเป็นมัมมี่' ฉันก็ได้แต่ 'คุณทำอะไรนะ' ฉันคิดว่าเอาอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่คุณคาดไว้ว่าเขาจะทำ”
ทั้งภรรยา และลูกๆ 3 คน ซึ่งโตกันหมดแล้ว เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ของเขา ทำให้กลายมาเป็นรายการ Mummifying Alan: Egypt’s Last Secret ที่ออกอากาศทางแชนเนล 4 ในคืนวันจันทร์ (17) ที่ผ่านมาได้
บิลลิส ผู้ได้รับฉายาว่า ตุตันคามุนแห่งทอร์คีย์ อธิบายถึงการตัดสินใจพิเรนทร์ในสารคดีชุดนี้ว่า “ผู้คนฝากร่างกายไว้กับวิทยาศาสตร์มานานหลายปีแล้ว และหากคนไม่อาสาทำอะไร ก็จะไม่มีการค้นพบอะไรเลย”
หลังจาก บิลลิส เสียชีวิตในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อวัยวะภายในของเขาก็ถูกนำออกมาใส่ไว้ในไห ยกเว้นสมอง และหัวใจ ส่วนผิวหนังถูกทาด้วยน้ำมันผสมเรซิน และถูกอาบด้วยสารละลายเนตรอน ซึ่งเป็นเกลือที่พบจากพื้นแม่น้ำที่เหือดแห้งในอียิปต์
ศพของเขาถูกใส่ไว้ในถังแก้ว ที่ศูนย์นิติเวชในเชฟฟิลด์ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพประจำเมือง เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นจึงถูกนำมาวางไว้ในห้องที่แห้งสนิท แล้วจึงพันด้วยผ้าลินิน
ด้าน ดร.สตีเฟน บัคลีย์แห่งมหาวิทยาลัยยอร์ก ผู้วิจัยเทคนิคการทำมัมมี่แบบอียิปต์ สำหรับสารคดีรายการนี้ กล่าวว่า ตอนนี้ร่างของบิลลิสจะอยู่ยงคงกระพันไปอีกหลายพันปีทีเดียว
นอกจาก ดร.บัคลีย์ แล้ว คณะผู้เชี่ยวชาญ ที่อยู่เบื้องหลังการทำมัมมี่ครั้งนี้ยังรวมถึง ดร.โจแอนน์ เฟลตเชอร์, แมกซีน โค และปีเตอร์ วาเนซิส นิติพยาธิแพทย์ ซึ่งต่างรู้สึกพอใจกับผลที่ออกมา
“ผิวหนังมีลักษณะเหนียวเช่นนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเขากลายเป็นมัมมี่แล้วเต็มตัว นั่นทำให้ผมมั่นใจว่า เนื้อเยื่อของเขาได้รับการทำให้เป็นมัมมี่อย่างถูกต้อง และเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก” ศาสตราจารย์ วาเนซิส กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่า มัมมี่ของบิลลิสจะอยู่ในเชฟฟิลด์จนกระทั่งสิ้นปี 2011 จากนั้นจึงจะถูกนำไปให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับการเน่าเปื่อยต่อไป