ซีเอ็นเอสนิวส์ - รัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เพิ่งผ่านร่างนโยบายงบประมาณไปอีกฉบับ ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจนกระทั่งวันจันทร์ (3) ที่ผ่านมา ชี้ว่า ยอดหนี้รวมสาธารณะของคนอเมริกันอยู่ที่ 14.837 ล้านล้านดอลลาร์ โดยรัฐบาล 41 ชุดแรกของสหรัฐฯ สร้างหนี้รวมกันไว้เพียง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์
ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาไม่ถึง 3 ปี ที่โอบามาบริหารประเทศ สหรัฐฯ มีหนี้เพิ่มขึ้นอีก 4.212 ล้านล้านดอลลาร์ จำนวนนี้มีมูลค่ามากกว่าหนี้สาธารณะสะสมของรัฐบาลสหรัฐฯ 41 ชุดแรก ซึ่งมีมูลค่าหนี้รวมกันประมาณ 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ถึงสมัยประธานาธิบดี จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช (บุชผู้พ่อ)
หนี้สาธารณะมูลค่า 4.212 ล้านล้านดอลลาร์ ก้อนนี้ หมายความว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การทำงานของโอบามาได้กู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น 35,835 ดอลลาร์ สำหรับทุกครัวเรือนทั่วอเมริกัน อนึ่ง สำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ รายงานว่า ปี 2010 สหรัฐฯ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้นประมาณ 117 ล้านครัวเรือน
ขณะที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2009 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ขณะนั้น ยอดรวมหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 10.6 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ปลายเดือนมกราคม 1993 ช่วงที่ประธานาธิบดี จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ยอดรวมหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะฉะนั้น หนี้สะสมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา 41 สมัยแรก น้อยกว่าหนี้รวมของรัฐบาลโอบามาสมัยเดียวอยู่ประมาณ 44,800 ล้านดอลลาร์
จนกระทั่งวันจันทร์ (3) ที่ผ่านมา โอบามานั่งบริหารสหรัฐฯ มา 986 วัน หรือประมาณ 32 เดือน ช่วงเวลานี้ หนี้สาธารณะสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4,270 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 132,754 ล้านบาท) ต่อวัน หากอัตราการเพิ่มหนี้ยังคงอยู่ในระดับนี้ เมื่อโอบามาหมดวาระ วันที่ 20 มกราคม 2013 หนี้รวมของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 16.8 ล้านล้านดอลลาร์
อย่าไรก็ตาม หนี้สินสาธารณะของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมต่ำกว่า 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ จนกระทั่ง 2002 ปีที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ครองอำนาจ
