xs
xsm
sm
md
lg

เผยสหรัฐฯ มี “คนยากจน” 46.2 ล้านคน สูงสุดตั้งแต่ปี 1993

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์เซนต์ฟรานซิส (St. Francis Center) องค์กรการกุศล ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดโรงทานเลี้ยงอาหารมื้อเที่ยงแก่คนยากไร้ เมื่อวันอังคาร (13)
เอเอฟพี - อัตราความยากจนของชาวสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 15.1 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 46.2 ล้านคน ในปี 2010 สูงที่สุดตั้งแต่ปี 1993 ผลการสำรวจสำมะโนประชากรอเมริกันเปิดเผยวานนี้ (13) โดยแสดงถึงจำนวนคนยากจนที่เพิ่มขึ้น และตอกย้ำประเด็นวิกฤตเศรษฐกิจ หลังผ่านภาวะ “เศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่” (Great Recession)

สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ รายงานการพุ่งพรวดของอัตราความยากจนจาก 14.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2009 เป็น 15.1 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนชาวอเมริกัน 46.2 ล้านคน นับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครั้งที่ 4 ของผู้ที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าเส้นความยากจน ซึ่งเป็นสถิติจำนวนคนยากไร้สูงที่สุด ตั้งแต่เริ่มการเก็บข้อมูลเมื่อปี 1959 โดยในปีดังกล่าวมีผู้ยากจนต่ำกว่า 7.3 เปอร์เซ็นต์

นิยามคำว่ายากจนของสหรัฐฯ หมายถึงครอบครัวสมาชิก 4 คนที่มีรายได้รวมเพียง 22,314 ดอลลาร์ (ประมาณ 673,000 บาท) ต่อปี และบุคคลที่มีรายได้เพียง 11,139 ดอลลาร์ (ประมาณ 336,000 บาท) ในปี 2010

ผลการสำรวจดังกล่าวยังแสดงถึงความยากลำบากของชาวอเมริกันที่เหลืออีกจำนวนมาก โดยรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนต่อปีลดลง 2.3 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 49,445 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ในปี 2010

นอกจากนี้ สำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพ เพิ่มขึ้นเป็น 49.6 ล้านคน ในปี 2010 จาก 49.0 ล้านคน ในปี 2009 อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้ชี้ว่าระหว่างปี 2009 และ 2010 ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางสถิติที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องความไม่เท่าเทียมของชาวสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ชาวสหรัฐฯ ผิวสีและเชื้อสายฮิสแปนิกเป็นกลุ่มที่ยากจนที่สุด คิดเป็น 27.4 และ 26.3 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ส่วนชาวเอเชียในสหรัฐฯ มีอัตราความยากจนลดลงจาก 12.5 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 12.1 เปอร์เซ็นต์

สถาบันบรูกกิงส์วิเคราะห์ไว้ว่า อัตราความยากจนของชาวสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2014 โดยชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) ได้ทำให้คนสหรัฐฯ เกือบ 10 ล้านคนตกอยู่ในความยากจนภายในช่วงเวลาเพียง 5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น