อินเวสต์เมนต์อินเตอร์เนชันแนล/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 สำหรับการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติ โดยเศรษฐกิจโลก ประกอบกับวิถีการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ไทยได้รับความนิยม แซงหน้า บาห์เรน เจ้าของตำแหน่งนี้เมื่อปีที่แล้ว ผลการสำรวจของธนาคารเอชเอสบีซีประจำปี 2011 รายงาน
“การสำรวจผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ประจำปี 2011” (Expat Explorer) ของธนาคารเอชเอสบีซี อินเตอร์เนชันแนล จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 4 และถือเป็นการสำรวจกรณีการอพยพเข้าไปอาศัยต่างแดนของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่ใหญ่ที่สุด
รายงานเบื้องต้นประจำปีนี้ระบุว่า ประเทศไทย เป็นเป้าหมายอันดับที่ 1 ของการโยกย้ายถิ่นฐาน โดยนักวิเคราะห์มองว่า การปลอดภาษี, ค่าครองชีพต่ำ และมาตรฐานการครองชีพที่ดีเพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความนิยมประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจครั้งนี้กลับพบเรื่องน่าแปลกใจ เมื่อบรรดาประเทศที่ประสบกับภาวะยากลำบากตลอดช่วง 12 เดือน ที่ผ่านมา ยังมีผู้ปรารถนาเข้าไปอยู่อาศัย โดยอียิปต์ ซึ่งเผชิญกับการปฏิวัติประชาชน ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย
คณะสำรวจได้ทำการศึกษาจากกลุ่มผู้โยกย้ายถิ่นฐานจำนวน 3,385 คน จากประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศ ครอบคลุมทุกแง่มุมในการใช้ชีวิตต่างแดน ตั้งแต่เรื่องการบริหารการเงิน และผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากการโยกย้าย ไปจนถึงเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิต และการเลี้ยงดูลูกๆ ในต่างแดน
รายงานฉบับสมบูรณ์จะแผยแพร่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ขณะที่มีประเทศหน้าใหม่ เช่น อียิปต์ บราซิล และตุรกี เข้ามาติดโผปี 2011
ทั้งนี้ การสำรวจกระแสความนิยมประเทศปลายทางนี้ยังพบว่า ปีนี้ ผู้อพยพต่างชาติจำนวน 63 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้หลังหักภาษีเพิ่มขึ้น ขณะที่ปี 2010 ที่มีเพียง 56 เปอร์เซ็นต์ และภาษาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตน้อยลง โดยมีเพียง 27 เปอร์เซ็นต์ ที่พบปัญหานี้ ส่วนปี 2010 มีรายงานปัญหาด้านการสื่อสาร 30 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ การสำรวจผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ประจำปี 2011 ชี้ว่า ผู้อพยพรู้สึกอ้างว้างและคิดถึงบ้าน “น้อยลง” โดยมีเพียง 31 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ปี 2010 มีผู้อพยพ 34 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกว้าเหว่ เมื่ออาศัยอยู่ต่างแดน
