เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - ตลาดการเงินแถบเอเชียกำลังตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ ในโลกก็จริง แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง ก็จะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้หวนกลับมาอีกครั้งทันทีที่ความปั่นป่วนอลหม่านคลี่คลายลงไป เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) แถลงในกรุงเทพฯเมื่อวันอังคาร(9)
“สิ่งที่เรากำลังมองเห็นกันอยู่ในตลาดช่วงระยะ 2 วันที่ผ่านมาก็คือการกระหน่ำเทขายแบบตื่นตระหนักอย่างแท้จริง” อิวาน อาซิส หัวหน้าสำนักการบูรณาการทางเศรษฐกิจภูมิภาค ของเอดีบี กล่าว
“แต่เรามีความเห็นว่า เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่ได้กลับจางคลายลงแล้ว เงินทุนที่กำลังไหลเข้ามาในเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ของเอเชียก็จะดำเนินต่อไป” เขาพูดเช่นนี้ในงานเปิดตัวรายงานประจำปี “เอเชีย แคปิตอล มาร์เก็ตส์ มอนิเตอร์” (Asia Capital Markets Monitor รายงานติดตามตลาดทุนเอเชีย) ฉบับล่าสุด ในกรุงเทพฯ
ไม่เหมือนกับสหรัฐฯและชาติทางยุโรป เศรษฐกิจของชาติกำลังพัฒนาในเอเชียจำนวนมากยังคงมีระดับหนี้สินสาธารณะที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างไม่ลำบาก อีกทั้งตัวเลขดุลการค้าก็อยู่ในฐานะเกินดุล
กระนั้นตลาดหลักทรัพย์แถบเอเชีย-แปซิฟิกก็กำลังอยู่ในอาการไหลรูดกันระนาวในสัปดาห์นี้ ภายหลังที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯในเย็นวันศุกร์(5) ผสมโรงกับวิกฤตหนี้สินสาธารณะในเขตยูโรโซนคุกคามที่จะลุกลามต่อไปยังอิตาลีและสเปน
อย่างไรก็ดี อาซิสเตือนว่า ถึงแม้คาดหมายกันว่าเงินทุนจะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่บรรดาเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียต่อไป แต่อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในสหรัฐฯและยุโรป จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าออกจากเอเชียลดต่ำลงอยู่ดี
“ผลทางอ้อมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและยุโรป จะกว้างไกลยิ่งกว่าเพียงแต่การส่งผลต่ออัตราตอบแทนของพอร์ตลงทุนเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่กำลังอ่อนแอลงมา ยังจะสร้างความเสียหายให้แก่การส่งออกของเราอีกด้วย” เขาชี้
สำหรับในรายงานฉบับนี้ของเอดีบี ได้เตือนบรรดาผู้วางนโยบายในชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียว่า จำเป็นที่จะต้องพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ของพวกเขาขึ้นมา เพื่อรับมือกับการไหลเข้าออกอย่างวูบวาบของเงินทุน ซึ่งอาจนำไปสู่ “วัฏจักรแห่งการเติบโตเบ่งบานแล้วก็ฟุบแฟบซบเซา” ทั้งนี้ “มาตรการควบคุมเงินทุนอย่างเป็นเฉพาะส่วนและใช้เพียงชั่วคราวบางมาตรการ ก็อาจพิจารณานำมาใช้ได้ ในฐานะที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย”
รายงานฉบับนี้ซึ่งเขียนขึ้นก่อนที่ความปั่นป่วนผันผวนของตลาดการเงินระลอกปัจจุบันจะปะทุขึ้นมา ได้คาดการณ์ไว้ว่าเอเชียส่วนที่เป็นเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่จะมีอัตราการเติบโต 7.9% ในปีนี้ และ 7.8% ในปีหน้า ต่ำลงจากระดับ 9.2%ในปีที่แล้ว
“สิ่งที่เรากำลังมองเห็นกันอยู่ในตลาดช่วงระยะ 2 วันที่ผ่านมาก็คือการกระหน่ำเทขายแบบตื่นตระหนักอย่างแท้จริง” อิวาน อาซิส หัวหน้าสำนักการบูรณาการทางเศรษฐกิจภูมิภาค ของเอดีบี กล่าว
“แต่เรามีความเห็นว่า เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่ได้กลับจางคลายลงแล้ว เงินทุนที่กำลังไหลเข้ามาในเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ของเอเชียก็จะดำเนินต่อไป” เขาพูดเช่นนี้ในงานเปิดตัวรายงานประจำปี “เอเชีย แคปิตอล มาร์เก็ตส์ มอนิเตอร์” (Asia Capital Markets Monitor รายงานติดตามตลาดทุนเอเชีย) ฉบับล่าสุด ในกรุงเทพฯ
ไม่เหมือนกับสหรัฐฯและชาติทางยุโรป เศรษฐกิจของชาติกำลังพัฒนาในเอเชียจำนวนมากยังคงมีระดับหนี้สินสาธารณะที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างไม่ลำบาก อีกทั้งตัวเลขดุลการค้าก็อยู่ในฐานะเกินดุล
กระนั้นตลาดหลักทรัพย์แถบเอเชีย-แปซิฟิกก็กำลังอยู่ในอาการไหลรูดกันระนาวในสัปดาห์นี้ ภายหลังที่ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯในเย็นวันศุกร์(5) ผสมโรงกับวิกฤตหนี้สินสาธารณะในเขตยูโรโซนคุกคามที่จะลุกลามต่อไปยังอิตาลีและสเปน
อย่างไรก็ดี อาซิสเตือนว่า ถึงแม้คาดหมายกันว่าเงินทุนจะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่บรรดาเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียต่อไป แต่อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในสหรัฐฯและยุโรป จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าออกจากเอเชียลดต่ำลงอยู่ดี
“ผลทางอ้อมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯและยุโรป จะกว้างไกลยิ่งกว่าเพียงแต่การส่งผลต่ออัตราตอบแทนของพอร์ตลงทุนเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่กำลังอ่อนแอลงมา ยังจะสร้างความเสียหายให้แก่การส่งออกของเราอีกด้วย” เขาชี้
สำหรับในรายงานฉบับนี้ของเอดีบี ได้เตือนบรรดาผู้วางนโยบายในชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียว่า จำเป็นที่จะต้องพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ของพวกเขาขึ้นมา เพื่อรับมือกับการไหลเข้าออกอย่างวูบวาบของเงินทุน ซึ่งอาจนำไปสู่ “วัฏจักรแห่งการเติบโตเบ่งบานแล้วก็ฟุบแฟบซบเซา” ทั้งนี้ “มาตรการควบคุมเงินทุนอย่างเป็นเฉพาะส่วนและใช้เพียงชั่วคราวบางมาตรการ ก็อาจพิจารณานำมาใช้ได้ ในฐานะที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย”
รายงานฉบับนี้ซึ่งเขียนขึ้นก่อนที่ความปั่นป่วนผันผวนของตลาดการเงินระลอกปัจจุบันจะปะทุขึ้นมา ได้คาดการณ์ไว้ว่าเอเชียส่วนที่เป็นเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่จะมีอัตราการเติบโต 7.9% ในปีนี้ และ 7.8% ในปีหน้า ต่ำลงจากระดับ 9.2%ในปีที่แล้ว