เอเอฟพี - รัฐบาลหลายชาติในเอเชียหาทางคลายความกังวลจากการที่สหรัฐฯ ถูกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ลดอันดับความน่าเชื่อถือลง โดยญี่ปุ่นเป็นชาติแรกที่ออกมายืนยันความเชื่อมั่นในการคลังของสหรัฐฯ ว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เอสแอนด์พีลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ลงจากระดับ AAA เหลือ AA+ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยชี้ว่าบรรดานักการเมืองอเมริกันนั้นไม่สามารถที่จะรับมือกับการขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ และภาระหนี้สินท่วมท้นได้
ขณะที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ รองจากจีน ยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่อย่างใด ส่วนออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงปฏิกิริยาตอบโต้การหั่นเครดิตที่รุนแรงเกินไป
"ความเชื่อมั่นที่เรามีต่อการคลังสหรัฐฯ และความน่าดึงดูดในการลงทุนจะไม่เปลี่ยนไปเพราะการกระทำนี้" เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลญี่ปุ่นรายหนึ่งเผย โดยมีเจ้าหน้าที่อีกคนเสริมว่า นโยบายการลงทุนที่เกี่ยวกับเงินทุนสำรองต่างประเทศก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ด้านจีน ซึ่งถือตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ไว้มากที่สุดถึง 1.15 ล้านล้านดอลลาร์ ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เกี่ยวกับการลดเครดิตครั้งนี้ แต่สำนักข่าวซินหัวได้วิพากษ์วิจารณ์สมาชิกสภาคองเกรส โดยว่าจีนมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้สหรัฐฯ จัดการกับปัญหาโครงสร้างหนี้ และปกป้องคุ้มครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่จีนถือครองอยู่
ส่วน เกาหลีใต้ได้จัดการประชุมฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงการคลังในวันนี้ (6) เพื่อหารือกันถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะสั้นที่อาจเป็นไปได้จากการลดเครดิตสหรัฐฯ พร้อมกับเตือนว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องกังวลมากเกินไป
อิมจองยง รองรัฐมนตรีการคลังโสมขาวยังเรียกร้องให้มีการเจรจาร่วมกับผู้วางนโยบายของะนาคารกลางเกาหลี และหน่วยงานสังเกตการณ์ทางการเงินในวันอาทิตย์ (7) เพื่อหามาตรการที่รัฐบาลควรดำเนินการก่อนเปิดตลาดอีกครั้งในวันจันทร์ (8)
ยิ่งไปกว่านั้น นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ดของออสเตรเลียก็เร่งเร้าให้มีมาตรการตอบโต้การลดเครดิตสหรัฐฯ โดยชี้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ และบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อรายใหญ่อีก 2 แห่งก็ยังคงเรตติ้งตราสารหนี้สหรัฐฯ ในระดับสูงสุดอยู่
ขณะที่ ฟิลิปปินส์เผยว่า การลดระดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้เป็นเสมือนเสียงปลุกเรียก แต่ก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกแห่งนี้ว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้
ด้านเย กิม เหลิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของบริษัทวิจัยการเงิน อาร์เอเอ็ม โฮลดิงส์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ คาดว่า ปฏิกิริยาของตลาดในเอเชียต่อความเคลื่อนไหวของเอสแอนด์พีครั้งนี้คงจะนิ่งเงียบ และจะถือเงินทุนสำรองที่เป็นดอลลาร์ไว้ต่อไป โดยระบุว่าตลาดเอเชียค่อนข้างมีเสถียรภาพมากกว่ายุโรป และสหรัฐฯ
