เอเอฟพี - รัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่กล้าดำเนินคดีกับ อุมาร์ ปาเต๊ะ ผู้ต้องสงสัยบงการเหตุระเบิดไนต์คลับบนเกาะบาหลีเมื่อ 9 ปีก่อน ด้วยเกรงว่าจะเกิดเหตุรุนแรงมากยิ่งขึ้น รายงานเผยวันนี้ (6)
ปาเต๊ะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายที่รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการตัวมากที่สุด ถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ เมืองอับบอตตาบัดของปากีสถาน ซึ่งเป็นเมืองเดียวกับที่อุซามะห์ บิน ลาดิน ถูกหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯ บุกสังหารในอีกไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง
อันซยาด เอ็มไบ หัวหน้าสำนักงานปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ ว่า ปาเต๊ะจะกลายเป็นผู้นำนักรบญิฮาดหัวรุนแรงคนใหม่ทันทีที่เดินทางกลับอินโดนีเซีย
“อุมาร์ ปาเต๊ะ เป็นคนร้ายที่หลายประเทศต้องการตัว และมีค่าหัวถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้เมื่อเขาถูกจับได้ ดูเหมือนอินโดนีเซียจะต้องรับศึกหนักอยู่เพียงประเทศเดียว” อันซยาดระบุ
“ชายคนนี้เป็นบุคคลอันตราย การปรากฏตัวของเขาจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเหตุรุนแรง ไม่เพียงต่ออินโดนีเซียเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศใกล้เคียงด้วย”
“เขาจะทำให้เครือข่ายก่อการร้ายที่แตกกระสานซ่านเซ็นกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง คนเหล่านี้เป็นอันตรายใหญ่หลวง พวกเขายังมีอยู่จริง และกำลังรอคอยผู้นำแบบ อุมาร์ ปาเต๊ะ นี่แหละ”
ปาเต๊ะ วัย 32 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ประสานงานเหตุระเบิดไนต์คลับบนเกาะบาหลี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 202 ราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 88 คน
ปาเต๊ะยังเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ญามาอะห์ อิสลามียะห์ (เจไอ) ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โจมตีชุมชนชาวคริสต์และนักท่องเที่ยวตะวันตกในอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปี 1999
อันซยาดกล่าวด้วยว่า อินโดนีเซียจะต้องเผชิญปัญหาใหญ่หากนำตัวปาเต๊ะสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเหตุระเบิดที่บาหลีเกิดขึ้นก่อนอินโดนีเซียจะออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย
ออสเตรเลียเคยประกาศไว้ว่า พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างปากีสถานและอินโดนีเซียในการดำเนินคดีกับ ปาเต๊ะ ทว่าล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศ เควิน รัดด์ ซึ่งมีกำหนดการเยือนกรุงจาการ์ตาในสัปดาห์นี้ กลับออกตัวว่าปาเต๊ะอยู่ในความรับผิดชอบของอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียว
“ในเมื่อปาเต๊ะเป็นพลเมืองอินโดนีเซีย และอาชญากรรมร้ายแรงส่วนมากก็เกิดในอินโดนีเซีย รัฐบาลออสเตรเลียจึงเห็นว่า อินโดนีเซียควรเป็นฝ่ายริเริ่มกระบวนการใดๆ ก็ตามเพื่อเอาผิดกับเขา” โฆษกของรัดด์เผย