เอเอฟพี - รัตโก มลาดิช อดีตผู้บัญชาการกองทัพเซิร์บบอสเนีย แสดงเจตนาขอคว่ำบาตรศาลอาชญากรรมสงครามของยูเอ็น ขณะที่เขามีกำหนดต้องขึ้นให้การตามข้อกล่าวหาต่างๆ วันนี้ (4) กรณีบทบาทของเขาในสงครามบอสเนีย 1992 - 95 รวมทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล หนึ่งในทนายของมลาดิชเปิดเผย
“มลาดิชได้บอกกับเจ้าหน้าที่คุมเรือนจำว่าไม่ต้องการขึ้นศาล (วันจันทร์) และจะไม่ให้การใดๆ ทั้งสิ้น” มิลอส ซัลจิช ทนายความของรัตโก มลาดิช ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับเอเอฟพี วานนี้ (3) “เขาตัดสินใจจะไม่ขึ้นศาลอีกครั้ง เพราะทีมทนายผู้ต้องหายังไม่ได้รับการอนุมัติ”
กองกำลังความมั่นคงเซอร์เบียสามารถจับกุมมลาดิชได้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ก่อนส่งตัวให้กับศาลอาชญากรรมสงครามสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ไอซีทีวาย) ณ กรุงเฮก เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากมลาดิชหลบหนีการจับกุมมานานกว่า 16 ปี ตามหมายกำหนดการเดิม วันนี้เขาต้องให้การตามข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ, และอาชญากรรมสงคราม
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน มลาดิชถูกนำตัวขึ้นศาลครั้งแรก และให้การคัดค้านต่อสิ่งที่เขานิยามว่า 11 ข้อกล่าวหา “อันน่ารังเกียจ” ตามระเบียบของศาล มลาดิชมีเวลาหลังจากนั้น 1 เดือนเพื่อเตรียมการขึ้นศาลครั้งที่ 2
มิลอส ซัลจิช เปิดเผยว่า “มลาดิชเล่าว่าไม่สามารถศึกษาคำฟ้องร้องได้ อันเป็นผลจากต้องเตรียมคำให้การโดยไม่มีทนายช่วยเหลือ” ก่อนสำทับว่า ทีมทนายความแก้ต่างยังไม่ได้รับการอนุมัติการศาลไอซีทีวาย
อย่างไรก็ตาม เนอร์มา เจลาซิช โฆษกศาลไอซีทีวาย ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องการคว่ำบาตรศาลของมลาดิช ตามที่ทนายกล่าวอ้าง แม้ซัลจิชจะยืนยันว่าทางเดียวที่จะทำให้มลาดิชขึ้นศาลได้ คือ การใช้กำลังบังคับ
ทั้งนี้ รัตโก มลาดิช ผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมสงครามวัย 69 ปี แสดงการแข็งขืนต่ออำนาจศาลขณะเข้ารับการพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมโหดเหี้ยมระหว่างสงครามบอสเนีย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 100,000 ราย
นอกจากนี้ มลาดิชยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการสังหารหมู่เซรเบรนิกา เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในยุโรปตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทหารของมลาดิชได้สังหารเด็กและผู้ชายมุสลิมราว 8,000 ราย เมื่อเดือนกรกฎาคม 1995
ส่วนข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ, และอาชญากรรมสงคราม ต่อมลาดิช ได้รวมไปถึงการปิดล้อมกรุงซาราเยโว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 1992 นาน 44 เดือน โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 ราย