xs
xsm
sm
md
lg

“รัตโก มลาดิก” ผู้บงการสังหารหมู่ 8,000 ศพ “สงครามบอสเนีย” ถูกจับตัวแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประกาศจับตัวของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อปี 2000 ประกอบด้วยสโลโบดาน มิโลเซวิซ (บน) ราโดแวน คารัดซิช (ล่างซ้าย) และ รัตโก มลาดิก (ล่างขวา) ทั้งนี้มลาดิคเป็นผู้ที่ศาลพิเศษอดีตยูโกสลาเวียต้องการตัวมากที่สุด
รัตโก มลาดิก อดีตผู้บัญชาการทหารชาวเซิร์บ ผู้บงการการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวบอสเนียมุสลิมกว่า 8,000 คน
เอเอฟพี - ทางการเซอร์เบียสามารถจับกุม รัตโก มลาดิก อดีตผู้บัญชาการทหารชาวเซิร์บ ผู้ต้องหาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม ประธานาธิบดีบอริส ทาดิค ผู้นำเซอร์เบีย แถลงวันนี้ (26)

ประธานาธิบดีทาดิคแถลงข่าวเมื่อเวลา 13.00 น. (ตรงกับ 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ว่า “เช้าวันนี้ เราสามารถจับตัวรัตโก มลาดิก ตอนนี้เรากำลังดำเนินการเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน” เขาอ้างถึงการส่งตัวผู้ต้องหาคนสำคัญไปยังกรุงเฮก ที่ตั้งของศาลพิเศษอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย (ไอซีทีวาย)

ทั้งนี้ รัตโก มลาดิกเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของศาลพิเศษอดีตยูโกสลาเวีย หลังจากเขาหลบหนีการจับกุมตั้งแต่ปี 1995 จากการถูกตั้งข้อหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม ด้วยบทบาทในฐานะผู้บงการการสังหารหมู่ที่เมืองเซรเบรนิกา และการปิดล้อมกรุงซาราเยโวอันนองเลือด ช่วงสงครามในบอสเนียระหว่างปี 1992 - 95

ก่อนหน้านี้ ราโดแวน คารัดซิช ผู้นำทางการเมืองระหว่างสงครามบอสเนียเซิร์บ และที่ปรึกษาของมลาดิค ถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนกรกฎุาคม 2008 และขณะนี้กำลังถูกพิจารณาคดีที่สำนักงานใหญ่ของศาลพิเศษอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวีย ณ กรุงเฮก

คำฟ้องร้องของศาลพิเศษอดีตยูโกสลาเวียต่อมลาดิคกล่าวอ้างถึงการตั้งค่ายและศูนย์กักกันชาวบอสเนียมุสลิมเป็นพิเศษ ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการแผนการกวาดล้างทางเชื้อชาติ รวมทั้งการสังหารหมู่เซรเบรนิกา เมื่อเดือนกรกฎาคม 1995 และการปิดล้อมกรุงซาราเยโวยาวนานถึง 44 เดือน

ณ เมืองเซรเบรนิกา ปี 1995 ผู้ชายและเด็กชายมุสลิม 8,000 คนสังหารหมู่อย่างเหี้ยมโหด กลายเป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรปตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยคำฟ้องของยูเอ็นชี้ว่า มลาดิคเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มลาดิคสาามารถหลบหนีการจับกุมมาเกือบ 15 ปี ตั้งแต่ถูกตั้งข้อหาเมื่อปี 1995 ด้วยสถานะเสมือนวีรบุรุษของชาวเซอร์เบีย และความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงเบลเกรดทำให้เขาสามารถรอดพ้นการถูกจับกุมได้ตลอด

หลังการแถลงของประธานาธิบดรีบอริส ทาดิคแห่งเซอร์เบีย ทางสหภาพยุโรปออกมาเรียกร้องให้ส่งตัวมลาดิคในวัย 69 ปีไปยังกรุงเฮกทันที โดยไม่รอช้า ส่วนผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ ณ เมืองเซรเบรนิกา ต่างรู้สึกโล่งใจไป หลังรอคอยการจับกุมตัวผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายมานานเกือบ 16 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น