เอเอฟพี - ความขัดแย้งทางการเมืองในปี 2010 ส่งผลให้มีผู้พลัดที่นาคาที่อยู่เกือบ 44 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในรอบทศวรรษ รายงานจากสภาผู้ลี้ภัยแห่งนอร์เวย์เผย วันนี้(20)
รายงานซึ่งเผยแพร่เนื่องในวันผู้ลี้ภัยโลก ระบุว่า ประชากรที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนโดยยังอาศัยอยู่ในประเทศของตนได้ มีมากถึง 27.5 ล้านคน ขณะที่ผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศอยู่ที่ราวๆ 16.2 ล้านคน
ตัวเลขรวม 43.7 ล้านคนนี้ยังหมายถึงผู้ที่ลี้ภัยตั้งแต่ปีก่อนหน้า โดยยังไม่สามารถกลับสู่ถิ่นฐานเดิมได้
ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศส่วนใหญ่เป็นประชากรของโคลอมเบีย, ซูดาน, อิรัก, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และโซมาเลีย ขณะที่ร้อยละ 60 ของผู้ลี้ภัยทั่วโลก มาจากดินแดนปาเลสไตน์, อัฟกานิสถาน, อิรัก, โซมาเลีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก รายงานเผย
“เรายังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้น” เอลิซาเบธ ราสมุสสัน เลขาธิการสภาผู้ลี้ภัยแห่งนอร์เวย์ กล่าว
“ตัวเลขผู้ลี้ภัยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า สภาพการณ์เช่นนี้จะเปลี่ยนแปลงไป”
ทั่วโลกมีคนพลัดถิ่นภายในประเทศเพิ่มขึ้นราว 400,000 คนเมื่อเทียบกับปี 2009 ขณะที่ยอดผู้ลี้ภัยก็เพิ่มขึ้นราว 100,000 คน
รายงานอีกฉบับเผยว่า ภัยธรรมชาติเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชากรโลกราว 42 ล้านคนต้องละทิ้งที่อยู่ในปี 2010 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 2.5 เท่า