“รอยเตอร์” แฉมี “หมู่บ้านเสื้อแดง” ท้าทายรัฐในอีสานนับร้อยแห่ง

ASTVผู้จัดการ - สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่รายงานพิเศษ ระบุขบวนการ “เสื้อแดง”ต่อต้านรัฐบาลในไทย กำลังเคลื่อนไหวผลักดันให้เกิด “หมู่บ้านเสื้อแดง” จำนวนมากขึ้นตามชนบทภาคอีสาน นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เผยให้เห็นการท้าทายและพลังทางการจัดตั้งระดับใหม่ของพวกผู้ประท้วงเหล่านี้ โดยที่พวกเขาแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย ในการลงคะแนนเสียงเลือก ส.ส.วันที่ 3 กรกฎาคมนี้ อีกทั้งพร้อมที่จะระดมกำลังออกมา ถ้าหากเห็นว่าถูกโกงการเลือกตั้ง

รายงานพิเศษขนาดยาวที่รอยเตอร์ใช้ทีมผู้สื่อข่าวและช่างภาพหลายคนร่วมกันจัดทำชิ้นนี้ เปิดเรื่องโดยพูดถึงหมู่บ้านหนองหูลิง (Nong Hu Ling) ในจังหวัดอุดรธานี ว่าดูจากสภาพทั่วๆ ไปก็เหมือนๆ กับหมู่บ้านชนบทส่วนใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ทว่าความแตกต่างอย่างแรกสุดที่เห็นได้ตั้งแต่ก่อนจะถึงหมู่บ้านนี้ ได้แก่ป้ายสีแดงที่เขียนเอาไว้ว่า “หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย”

รอยเตอร์ได้สัมภาษณ์นายคงชัย ชัยคาง (Kongchai Chaikang) หัวหน้าของหมู่บ้านที่มีประชากรราว 350 คนแห่งนี้ โดยที่เขาเล่าว่าภายหลังการชุมนุมของเสื้อแดงในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วถูกปราบปรามสลายตัว ผู้คนก็หวาดกลัวไม่กล้าใส่เสื้อแดงกัน “พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะถูกรังคราญจากตำรวจและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ เราจึงต้องการทำให้พวกเขาเกิดความกล้าขึ้นมาด้วยการรวมตัวกันให้เหนียวแน่น” นายคงชัยกล่าว

ปรากฏว่าแนวความคิดเช่นนี้เป็นที่นิยม โดยที่ก่อนหน้าการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม มีชุมชนชนบทหลายสิบแห่งในภาคอีสาน กำลังเรียกตัวเองเป็น “หมู่บ้านเสื้อแดง” ทำให้ขบวนการเสื้อแดงมีพลังระดับรากหญ้าสำหรับระดมเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในรัฐสภาของตน ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย รายงานพิเศษของรอยเตอร์บอก

“มีหมู่บ้านอย่างน้อย 320 หมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น ที่ได้ขนานนามพวกเขาเองเป็น 'หมู่บ้านเสื้อแดง' โดยผ่านพวกสำนักงานภูมิภาคของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” รายงานชิ้นนี้ระบุ

รอยเตอร์ยังได้อ้างคำพูดของนายอานนท์ แสงน่าน (Anond Sangnan) เลขาธิการ นปช.ในอุดรธานี ซึ่งบอกว่า เพียงแค่ 2 สัปดาห์ที่แล้วเท่านั้น ขบวนการเสื้อแดงได้เปิดตัวหมู่บ้านเสื้อแดงไปประมาณ 50 แห่ง โดยในสัปดาห์ที่แล้ว ได้เปิดตัวหมู่บ้านเช่นนี้ 5 แห่งในตำบลสามพร้าว ของจังหวัดอุดรธานี

“หลังจากเราแพ้ในปีที่แล้ว เราก็ตัดสินใจว่าเราจะต่อสู้ในสมรภูมินี้ด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป” รอยเตอร์อ้างคำพูดของนายอานนท์ ซึ่งกล่าวในระหว่างการเปิดตัวหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งหนึ่ง โดยที่มีผู้นำชาวพุทธเข้าร่วมพิธีด้วยการใช้ด้ายสีแดงผูกข้อมือของชาวบ้านแต่ละคน

“ตอนเริ่มแรกทีเดียวเราต้องการให้หมู่บ้านเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าขบวนการได้รับการสนับสนุนมากขนาดไหน เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงอำนาจของประชาชน แต่มันก็เป็นเครื่องมือในการระดมกำลังด้วย” นายอานนท์บอก พร้อมกับแจกแจงว่า รวมทั้งหมดแล้วในอุดรธานีมีการเปิดตัวหมู่บ้านสีแดงไป 129 แห่ง และที่ขอนแก่นมีอีก 100 แห่ง โดยที่เป้าหมายใหญ่ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ ก็คือ การจัดตั้งอำเภอทั้งอำเภอและจังหวัดทั้งจังหวัดที่เป็นสีแดง

รายงานของรอยเตอร์กล่าวว่า ภายในหมู่บ้านเหล่านี้ ปรากฏคำขวัญบนเสื้อยืดสีแดงและแผ่นโปสเตอร์ ซึ่งมีเนื้อหาต่อต้าน “สองมาตรฐาน”, กล่าวหาคนรวย “พวกอำมาตย์”ในกรุงเทพฯ และนายทหารใหญ่ที่ละเมิดกฎหมายโดยไม่ถูกลงโทษ ขณะที่ภาพยิ้มแย้มของ พ.ต.ท.ทักษิณปรากฎอยู่บนสัญลักษณ์ที่เป็นสีแดงตรงบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน

รอยเตอร์บอกว่าได้สัมภาษณ์พวกผู้นำเสื้อแดงสิบกว่าคน ตลอดจนนักเคลื่อนไหวต่างๆ และนักธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งต่างชี้ว่า ขบวนการนี้มีพลังคึกคักขึ้นมาจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังได้รับความนิยมสูงในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง และถ้าหากเกิดความคิดความเข้าใจไปว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลือกตั้งคราวนี้แล้ว ก็จะมีพลังมากเพียงพอที่จะกระตุ้นพวกผู้สนับสนุนเธอ และก่อให้เกิดกระแสคลื่นความไม่สงบระลอกใหม่

รายงานของรอยเตอร์ได้อ้างคำปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ที่กล่าวต่อผู้สนับสนุนราว 30,000 คนในอุดรธานีเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะและพวกเขาไม่ยอมให้เราได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว คุณยิ่งลักษณ์ควรที่ไปพักผ่อนก่อน พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านจะออกมากัน” เขากล่าว “โจมตี โจมตี” เขาพูดต่อโดยเรียกเสียงปราบมือกึกก้อง “ให้มันเสร็จสิ้นและจบลงด้วยการต่อสู้นี้ จากนั้นเราก็จะนำคุณยิ่งลักษณ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี”

รอยเตอร์ยังอ้างคำพูดของนายวัน สุวรรณพงศ์ (Wan Suwanpong) ทนายความและดีเจวิทยุวัย 72 ปี ซึ่งกล่าวในทำนองเดียวกันว่า “นี่คือสิ่งที่ผมกำลังบอกกับผู้ฟังของผม” นายวันบอกโดยที่เขาระบุว่ารายการของเขามีผู้ฟังเป็นหมื่นๆ คนใน 5 จังหวัดทางอีสาน “ถ้าเราชนะการเลือกตั้ง เราก็จะต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้ากรุงเทพฯ กันโดยเร็ว เราจะต้องเตรียมอาหารให้พร้อม เตรียมรถราให้พร้อม จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เข้าล้อมรัฐสภาไว้ และสร้างแรงกดดัน เพื่อให้พรรคที่มาเป็นอันดับ 1 ได้จัดตั้งรัฐบาล” เขากล่าว