เอเอฟพี - องค์กรตรวจสอบความปลอดภัยนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นประกาศข้อมูลใหม่ว่า ในช่วง 1 สัปดาห์หลังจากเกิดสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ได้ปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกสูงสิ่งแวดล้อมสูงกว่าที่ประเมินไว้เดิมถึง 2 เท่า
องค์กรตรวจสอบความปลอดภัยด้านอุตสาหกรรมและนิวเคลียร์ญี่ปุ่น (เอ็นไอเอสเอ) เปิดเผยว่า สารกัมมันตรังสีจำนวน 770,000 เทราเบคเคอเรล ถูกปลดปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศในช่วงสัปดาห์แรกหลังเกิดสึนามิ หรือกว่า 2 เท่าจากเดิมที่ประเมินไว้เพียง 370,000 เทราเบคเคอเรล
รายงานล่าสุดถูกเปิดเผยก่อนการประชุมนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ 10 คนในวันนี้(7) เพื่อหาสาเหตุของวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดของโลก ถัดจากเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลของยูเครน เมื่อ 25 ปีก่อน
โยทาโร ฮาตามูระ นักวิจัยด้านความผิดพลาดของมนุษย์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว และหัวหน้า เอ็นไอเอสเอ กล่าวในที่ประชุมว่า “พลังงานนิวเคลียร์มีความหนาแน่นมากกว่าพลังงานชนิดอื่น และมีอันตรายมากกว่า นับเป็นความผิดพลาดที่เรายังคิดว่ามันปลอดภัย”
ตัวเลขใหม่ที่ เอ็นไอเอสเอ นำเสนอ ใกล้เคียงกับตัวเลขเบื้องต้นจากคณะกรรมาธิการความปลอดภัยนิวเคลียร์ ซึ่งระบุว่า มีกัมมันตภาพรังสีถูกปลดปล่อยประมาณ 670,000 เทราเบคเคอเรล ในช่วง 1 เดือนแรก
การเปลี่ยนแปลงรายงานหลังเหตุภัยพิบัติผ่านพ้นมานานถึง 3 เดือน อาจยิ่งทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นและ เท็ปโก ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นว่าเปิดเผยข้อมูลล่าช้าเละคลุมเครือ
ผู้เชี่ยวชาญของญี่ปุ่นย้ำว่า สารกัมมันตรังสีที่ปลดปล่อยออกมาในช่วงไม่กี่วันแรก ถูกกระแสลมพัดออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้พัดเข้าสู่เขตชุมชน
โกชิ โฮโซโน ที่ปรึกษาพิเศษด้านวิกฤตนิวเคลียร์ของนายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง กล่าววานนี้(6)ว่า ผลการตรวจวัดล่าสุดจะไม่กระทบแผนการของ เท็ปโก ที่จะดับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดให้ได้ภายในเดือนตุลาคม-มกราคม ปีหน้า
เอ็นไอเอสเอ เผยด้วยว่า เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในเตาปฏิกรณ์ 3 แห่งอาจหลอมละลายเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยแท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ได้ตกลงไปอยู่บริเวณก้นถังแรงดัน (pressure vessel) จนถังเกิดความเสียหาย ราวๆ 5 ชั่วโมงหลังเกิดสึนามิในเวลา 14.46 น. ของวันที่ 11 มีนาคม
ปฏิกิริยาเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 และ 2 เมื่อเวลา 22.10 น. และ 22.50 น. ของวันที่ 14 มีนาคม ตามลำดับ
เท็ปโก ระบุว่า เชื้อเพลิงหลอมละลายน่าจะเย็นตัวลงแล้ว เมื่อสัมผัสกับน้ำที่ก้นถังแรงดันของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1, 2 และ 3 เนื่องจากพบว่า อุณหภูมิภายนอกเตาปฏิกรณ์ทั้ง 3 แห่งลดลง
