xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นวอนประชาชนอย่า “รังเกียจ” ผู้อพยพหนีภัยรังสี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูกิโอะ เอดาโนะ หัวหน้าโฆษกรัฐบาลและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รับประทานมะเขือเทศจากจังหวัดฟูกูชิมะ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรหลังเกิดกระแสหวาดกลัวภัยรังสี
เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องวันนี้(19) ให้หน่วยงานท้องถิ่น, ธุรกิจห้างร้าน ตลอดจนประชาชนทั่วไป อย่าหวาดกลัวกัมมันตภาพรังสีเกินเหตุ จนตั้งข้อรังเกียจผู้คนที่อพยพออกจากพื้นที่รอบๆโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ

รัฐบาลต้องออกประกาศดังกล่าว หลังจากที่ศูนย์พักพิงบางแห่งกำหนดให้ผู้อพยพที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้า ต้องแสดงใบรับรองปลอดสารกัมมันตรังสีเสียก่อนจึงจะยอมรับเข้าพัก นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า โรงแรมบางแห่งปฏิเสธลูกค้ากลุ่มนี้ และลูกหลานของพวกเขาก็ถูกข่มเหงรังแกด้วย

“ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดีว่า น่าเสียใจแค่ไหนที่คนใจดำบางกลุ่มทำกับพวกเขาอย่างนั้น” โคอิจิโร เก็นบะ รัฐมนตรีฝ่ายนโยบายรัฐ กล่าวตำหนิการเลือกปฏิบัติต่อชาวจังหวัดฟูกูชิมะ

“ผมขอให้ภาคอุตสาหกรรม, สำนักงาน และหน่วยงานทุกแห่ง สั่งห้ามไม่ให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”

ด้าน ยูกิโอะ เอดาโนะ หัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น ก็ระบุว่า “ในความเป็นจริงแล้ว กัมมันตภาพรังสีไม่ได้มีอันตรายเหมือนโรคติดต่อ” ดังนั้นการแบ่งแยกกีดกันผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้า จึงเป็น “การกระทำเกินกว่าเหตุ”

หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งสร้างความเสียหายแก่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ จนก่อให้เกิดวิกฤตนิวเคลียร์ตามมา รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งอพยพพลเรือนแล้วเกือบ 86,000 คน โดยราว 30,000 คนตัดสินใจย้ายออกจากจังหวัดฟูกูชิมะอย่างถาวร รวมถึงผู้ที่เคยอาศัยอยู่ภายในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้า

หลังภัยพิบัติครั้งรุนแรงผ่านพ้นไปได้ 5 สัปดาห์จึงพบว่า เกิดกรณีที่ชาวบ้านใกล้โรงไฟฟ้าถูกประชาชนกลุ่มอื่นตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์

ตัวอย่างเช่น ที่เมืองทสึคุบะ ในจังหวัดอิบารากิ เจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้อพยพจากจังหวัดฟูกูชิมะต้องผ่านการตรวจรังสี และยื่นเอกสารรับรองทางการแพทย์ ก่อนจะยอมรับเข้าศูนย์พักพิง

“นี่เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้อพยพ เพราะพวกเขาต้องทราบว่า ตนเองปลอดจากรังสีแล้วหรือยัง” เจ้าหน้าที่เมืองทสึคุบะคนหนึ่งเผย โดยไม่อธิบายว่า การยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่จะช่วยกำจัดรังสีได้อย่างไร
ประชาชนในศูนย์ผู้อพยพเมืองโอนางาวะ จังหวัดมิยางิ รับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น