เอเอฟพี - ออสเตรเลียปฏิเสธข้อเรียกร้องจากองค์กรมุสลิม ที่ขอให้มีการนำกฎหมายอิสลาม(ชารีอะห์)ที่ไม่สุดโต่งเกินไปมาใช้ โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายของออสเตรเลียก็สามารถตัดสินความขัดแย้งทางวัฒนธรรมได้ วันนี้(17)
สหพันธ์สภาอิสลามแห่งออสเตรเลีย เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณา “พหุนิยมทางกฎหมาย” สำหรับชาวมุสลิม และกำหนดนโยบายใหม่เพื่อสนับสนุนพหุวัฒนธรรมในสังคม
ทว่า โรเบิร์ต แม็คเคลแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของออสเตรเลีย ปฏิเสธที่จะดัดแปลงกฎหมายตามข้อเรียกร้องดังกล่าว
“เงื่อนไขสำหรับการเป็นพลเมืองระบุชัดว่า การอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย หมายถึงการเคารพกฎหมายออสเตรเลีย และยอมรับค่านิยมของออสเตรเลียด้วย” แม็คเคลแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เอเอพี
“ระบบพหุวัฒนธรรมของออสเตรเลียสนับสนุนให้มีการบูรณาการ หากเกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรมขึ้น กฎหมายออสเตรเลียก็จะเป็นหลักในการตัดสิน”
ในคำร้องดังกล่าว สหพันธ์ฯได้ให้เหตุผลว่า มุสลิมบางคนถือว่ากฎหมายชารีอะห์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขณะที่บางคนเชื่อว่า สามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ ดังนั้น จึงควรนำกฎหมายชารีอะห์มาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพสังคมของออสเตรเลีย
อิเคบัล อดัม พาเทล ประธานสหพันธ์ฯ ระบุว่า กฎหมายว่าด้วยครอบครัว รวมถึงการหย่าร้าง เป็นส่วนหนึ่งในกฎหมายชารีอะห์ ที่สามารถใช้ร่วมกับกระบวนการยุติธรรมของออสเตรเลียได้
“การนำบางแง่มุมในศาสนาของเรามาใช้ร่วมกับกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับชาวมุสลิม หรือชาวยิวที่ยึดมั่นในศาสนา” พาเทล ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน
“นี่เป็นเพียงเรื่องส่วนบุคคลและครอบครัวเท่านั้น ไม่กระทบถึงชาวออสเตรเลียกลุ่มอื่นๆเลย” พาเทล กล่าว
ทว่า แม็คเคลแลนด์ ยืนยันว่า เหตุที่คนทั่วโลกเดินทางมาตั้งรกรากอยู่ในออสเตรเลีย ก็เพราะเป็นดินแดนเสรี มีความเปิดกว้าง และยอมรับความแตกต่าง ประชาชนทั้งชายและหญิงมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือภูมิหลังทางวัฒนธรรม
“ผู้ที่ขอสัญชาติออสเตรเลียทุกคนต้องปฏิญาณว่า จะซื่อสัตย์ต่อประชาชนออสเตรเลีย จะเคารพซึ่งประเพณี และปฏิบัติตามกฎหมายของเรา หลักปฏิบัติเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลง”