เอเอฟพี - บริษัทโตเกียวอิเล็กทริกเพาเวอร์ (เท็ปโก) ผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ รายงานปัญหาใหม่ที่พบเพิ่มเติมวันนี้ (12) หลังจากส่งเจ้าหน้าที่กลับเข้าไปภายในอาคารเตาปฏิกรณ์เป็นครั้งแรก หนึ่งในบรรดาปัญหาเหล่านั้น คือ การรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนรังสีออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้ง
รายงานล่าสุดของเท็ปโกมีขึ้น ขณะเจ้าหน้าที่กู้วิกฤตนิวเคลียร์กำลังพยายามทุกวิถีทาง เพื่อทำให้โรงไฟฟ้ากลับเข้าสู่ภาวะเสถียร ด้วยวางแผนปิดเย็นเตาปฏิกรณ์ในช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม ทั้งนี้ คลื่นยักษ์อันเกิดจากแผ่นดินไหว 9.0 วันที่ 11 มีนาคม ถาโถมเข้าใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ จนระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ล้มเหลว ผลที่ตามมา คือ แท่งเชื้อเพลิงภายในแกนกลางเตาปฏิกรณ์บางหน่วยเกิดการหลอมละลายไปบางส่วน
แรงดันและอุณหภูมิที่ก่อขึ้นภายในส่งผลให้เกิดการระเบิดตามมาหลายครั้ง ตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์และบ่อบรรจุแท่งเชื้อเพลิง เพื่อควบคุมอุณหภูมิและป้องกันการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีจำนวนมหาศาลออกมา
วันนี้ (12) เท็ปโกรายงานว่า การวัดปริมาณรังสีครั้งล่าสุดในสัปดาห์นี้ หลังจากส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 พบว่า น้ำที่ปล่อยเข้าสู่เตาปฏิกรณ์จะไหลออกสู่ภายนอกอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เท็ปโกได้ฉีดน้ำจำนวน 7 ตันต่อชั่วโมงเข้าสู่ถังแรงดัน (pressure vessel) ของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 และมีแผนปล่อยน้ำให้ท่วมบ่อบรรจุแท่งเชื้อเพลิงโดยทั่ว เพื่อทำให้อุณหภูมิของทั้งระบบเย็นลงให้ได้ โดยกระบวนการฉีดน้ำลดอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์นี้ก่อให้เกิดน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีจำนวนมหาศาลล้นออกมา
บริษัทโตเกียวอิเล็กทริกเพาเวอร์พยายามยับยั้งการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนรังสีลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แต่รายงานฉบับล่าสุดวันนี้เปิดเผยว่า น้ำปนเปื้อนรังสีได้รั่วไหลลงสู่ทะเลผ่านทางช่องคอนกรีตใกล้กับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3
ตัวอย่างน้ำทะเลใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ มีสารกัมมันตภาพรังสีซีเซียม-134 สูงกว่าระดับที่กำหนดถึง 18,000 เท่า โดยทางเท็ปโกได้หยุดการรั่วไหลของน้ำออกสู่ภายนอก ด้วยการเทปูนปิดช่องคอนกรีตดังกล่าว
โยชิโนริ โมริ โฆษกของเท็ปโกแถลงว่า “วันนี้ (12) เรายังทำการตรวจสอบเส้นทางการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนลงสู่ทะเล และสาเหตุของการรั่วไหลต่อไป” ด้านยูกิโอะ เอดาโนะ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวถึงการรั่วไหลครั้งนี้ว่า “สมควรถูกตำหนิ” และกล่าวแสดงความเสียใจต่ออุตสาหกรรมประมงและประเทศเพื่อนบ้าน
