เอเอฟพี - ต้นสนเดียวดายยืนตระหง่านอยู่เพียงลำพังบนชายฝั่งเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกคลื่นสึนามิซัดทำลายราบพนาสูร ต้นไม้ร้อยปีที่เหลือเพียงต้นเดียวนี้ได้กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งความหวัง และการต่อสู้ของชาวญี่ปุ่นผู้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่พรากชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 11,000 ราย
สนต้นนี้เป็นหนึ่งประชากรของป่าสนที่มีกว่า 70,000 ต้น ซึ่งทำหน้าที่ปกปักรักษาเมืองริคุเซนทากาตะ จากคลื่นลมทะเลมานานกว่า 300 ปี ทั้งนี้ พื้นที่ในวงกว้างของเมืองกลายสภาพเป็นซากปรักหักพัง เหลือเพียงอาคารคอนกรีตอยู่ไม่กี่หลัง มิหนำซ้ำชาวเมืองกว่า 10 เปอร์เซนต์ได้ตายจาก หรือไม่ก็หายสาบสูญไปพร้อมกับคลื่นยักษ์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม
ป่าสนทั่วบริเวณดังกล่าวล้วนถูกคลื่นสึนามิถอนรากถอนโคน เหลือเพียงต้นไม้แห่งความหวังยืนอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งชาวเมืองผู้รอดชีวิตทั้งหลายเห็นตรงกันว่า สนต้นนี้คือปาฏิหาริย์ ขณะที่บ้านเรือนของพวกเขาก็ถูกกระแสน้ำพลังมหาศาลทำลายไม่เหลือซาก
“เพราะมันเป็นเพียงสนต้นเดียวที่ไม่ได้รับความเสียหาย มันจึงกลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งการฟื้นฟู” เอริ คามาอิชิ สตรีชาวท้องถิ่นวัย 23 ปี กล่าว ขณะยืนอยู่ใต้ร่มเงาของสิ่งที่ชาวเมืองรับรู้กันในขณะนี้ว่า “ต้นสนแห่งความหวัง”
คามาอิชิ ระบุว่า สนต้นนี้เป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่หลงเหลือยู่ เพื่อยืนยันว่าครั้งหนึ่งตรงนี้คือเมืองริคุเซนทากาตะ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง เลือกเยือนเมืองริคุเซนทากาตะเป็นแห่งแรก ระหว่างแผนการตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยสึนามิ วันนี้
“ที่นี่เคยมีป่าสนขนาดใหญ่ตั้งอยู่” นาโอโตะ คัง กล่าวขณะสำรวจความเสียหายของพื้นที่ปากอ่าวของเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งต้นสนเดียวดายยืนอยู่ “แต่ป่าสนถูกถอนรากถอนโคน สึนามิทำลายป่าทั้งหมด”
ฮิโรโกะ คิกุตะ สตรีวัย 62 ปี ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังคงไม่ทราบชะตากรรมของสามีตัวเอง เล่าว่า ก่อนหน้านี้หาดทรายสีทองของเมืองริคุเซนทากาตะจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และชาวบ้านตลอดช่วงหน้าร้อน
“ตอนนี้ทกุๆ อย่างหายไปแล้ว เหลือเพียงสนต้นนี้เท่านั้น” คิกุตะบรรยายความรู้สึก “ฉันอยากเห็นป่าสน และชายหาดที่สวยงามอีกครั้งอย่างที่มันเคยเป็น”
ประวัติของป่าสนแห่งนี้ต้องย้อนกลับไปถึงช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อวาณิชผู้ร่ำรวยรายหนึ่งริเริ่มการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้กำบังคลื่นลมพายุให้กับชาวบ้าน ทั้งนี้ ชายหาดของเมืองริคุเซนทากาตะ ซึ่งทอดยาวไปตามปากอ่าวของเมือง มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน อีกทั้งไดัรับการบรรจุให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่น่าท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
“สำหรับชาวเมืองริคุเซนทากาตะ ป่าสนตรงนี้เป็นมากกว่าป่าธรรมดาๆ” เพราะมันช่วยปกป้องชาวบ้านมานานหลายร้อยปี ยาซูโอะ มูรากามิ วัย 69 ปี กล่าว
มูรากามิยังตั้งความหวังไว้ว่า สนต้นเดียวที่เหลืออยู่นี้จะช่วยเป็นแรงกระตุ้น และเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แม้ตัวของเขาเองจะเสียทั้งภรรยาและบุตรสาว ส่วนหลานสาววัย 6 ปีก็ยังคงหายสาบสูญ
เมืองริคุเซนทากาตะตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงโตเกียว 400 กิโลเมตร และได้รับความเสียหายใหญ่หลวงจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และคลื่นยักษ์สึนามิ รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า ชาวเมืองริคุเซนทากาตะกว่า 1,000 คนเสียชีวิต และมีผู้สูญหายอีก 1,300 คน ขณะเดียวกัน ผู้รอดชีวิตอีกหลายพันคนยังต้องพักพิงอยู่ในศูนย์ผู้ประสบภัย อนึ่ง ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคมพุ่งเกิน 11,000 ราย และอีกกว่า 16,000 คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม