เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยื่นคำขาดต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี พร้อมทั้งข่มขู่ถึงการใช้ปฏิบัติการทหาร วานนี้ (18) หากกัดดาฟียังคงเพิกเฉยต่อมติของสหประชาชาติให้หยุดยิงทันที และการล่าถอยของฝ่ายกบฏ
คำเตือนสุดท้ายดังกล่าวของทางสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนทันทีจากฝรั่งเศส อังกฤษ และพันธมิตรชาติอาหรับ ซึ่งเรียกร้องการประกาศเขตห้ามบิน และการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดอื่นๆ เพื่อช่วยชีวิตพลเรือนในลิเบีย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศคำขาดถึง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อย่างแข็งกร้าว โดยระบุว่า โลกจะไม่ทนเฝ้ามองสถานการณ์ในลิเบียอีกต่อไป เพราะหากยังปล่อยให้กัดดาฟีทำตามอำเภอใจเช่นนี้ ผู้นำจอมเผด็จการแห่งลิเบียจะกระทำการอันป่าเถื่อน ซึ่งหมายถึงชีวิตของพลเรือนหลายพันคนจะตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตาม โอบามาไม่ได้ประกาศถึงบทบาทของสหรัฐฯ ต่อปฏิบัติการทางทหารในลิเบียอย่างชัดเจน นอกจากการสนับสนุนยุโรป และพันธมิตรชาติอาหรับ กรณีการประกาศเขตห้ามบินให้สัมฤทธิ์ผล และภารกิจปกป้องชีวิตพลเรือน ถึงกระนั้น สิ่งหนึ่งที่สหรัฐฯ แสดงท่าทีออกมาชัดเจน คือ จะไม่ส่งกำลังทหารราบเข้าประจำการในลิเบีย พร้อมทั้งสำทับ ว่า สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นผู้นำปฏิบัติการดังกล่าวเพียงลำพัง อนึ่ง กรุงวอชิงตันยังคงเข็ดหลาบกับการส่งทหารเข้ารุกรานอิรัก เมื่อปี 2003
“สหรัฐฯ พร้อมปฏิบัติการในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังนานาชาติ แม้การออกหน้าของสหรัฐฯ เป็นสิ่งจำเป็น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะรับผิดชอบอยู่เพียงฝ่ายเดียว ... นั่นหมายความว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นภาระของสังคมโลกที่จะต้องร่วมมือกัน” ประธานาธิบดีโอบามา กล่าว
ท่าทีอันแข็งกร้าวของบารัค โอบามา โพล่งขึ้นมา ขณะที่แกนนำฝ่ายกบฏลิเบียในเมืองเบนกาซี และเมืองอื่นๆ กำลังเฝ้าดูท่าทีของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี หลังจากก่อนหน้านี้ฝ่ายกบฏออกมาระบุว่า จะคอยสังเกตสังกาพฤติกรรมของลิเบียภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง
บารัค โอบามา ระบุว่า หากกัดดาฟีไม่เคารพในมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันพฤหัสบดี (17) ที่เรียกร้องให้กองกำลังลิเบียหยุดยิงโดยสิ้นเชิง มูอัมมาร์ กัดดาฟี จะต้องรับผลของการกระทำดังกล่าว
“มติของสหประชาชาติไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ และจะมีการบังคับใช้ด้วยกำลังทหาร”
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (19) คอลิด กาอิม รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศลิเบีย กล่าวหาฝ่ายกบฏว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่รัฐบาลลิเบียประกาศ โดยก่อนหน้านี้เขาออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า กำลังทหารลิเบียจะไม่โจมตีเมืองเบนกาซี ฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฏ ซึ่งมีประชากรอยู่ประมาณ 1 ล้านคน
หลังจากนั้น ซูซาน ไรซ์ ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ว่า กัดดาฟีกำลังละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่วน เจอราร์ด อาโรด์ ทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็น ก็ออกมาประเมินสถานการณ์ ว่า จะมีการแทรกแซงทางทหารในลิเบียเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่ชั่วโมง หลังจากประชุม ณ กรุงปารีส ช่วงดึกวันนี้ (19)
ทั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาแถลงข่าวไม่นาน ก็มีคำแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ ว่า ฝรั่งเศส อังกฤษ และชาติอาหรับ ขอร่วมกับสหรัฐฯ ในการเรียกร้องให้ มูอัมมาร์ กัดดาฟี หยุดการโจมตีพลเรือนทันที มิเช่นนั้นจะต้องเจอกับปฏิบัติการทางทหาร
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียได้ส่งข้อความด่วนถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศส นิโกลาส์ ซาร์โกซี และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน โดยระบุว่า ผู้นำทั้งสองจะต้องเสียใจหากคิดแทรกแซงกิจการภายในของลิเบีย
“หากพวกคุณรุกรานประเทศของเรา คุณจะต้องเสียใจ” โฆษกของกัดดาฟีถ่ายทอดข้อความของผู้นำลิเบีย พร้อมทั้งระบุว่า กัดดาฟีได้ส่งข้อความถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา และ บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติเช่นกัน ส่วนหนึ่งของข้อความดังกล่าวระบุ ว่า “ประชาชนลิเบียทุกคนยังรักผม ทุกคนพร้อมพลีชีพเพื่อผม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชาย ผู้หญิง หรือ เด็ก”
