เอเอฟพี - สหประชาชาติระงับสมาชิกภาพของลิเบียในองค์การด้านสิทธิมนุษยชนหลักชั่วคราว เนื่องจากเหตุรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงโดยคำสั่งของผู้นำเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ท่ามกลางคำเตือนจากคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นที่อาจจะวางมาตรการลงโทษเพิ่มเติม
ขณะที่ชาติตะวันตกเรียกร้องให้กำหนดเขตห้ามบินเหนือลิเบียมากขึ้นเรื่อยๆ ทูตอังกฤษประจำยูเอ็นได้เสนอว่า คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติควรจะต้องดำเนินมาตรการลงโทษใดๆ ก็ตามที่พิจารณาเห็นควรว่าจำเป็นในการตอบโต้
ที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน 192 ชาติสมาชิกผ่านมติระงับสมาชิกภาพของลิเบียอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยไม่มีการลงคะแนนเสียง ซึ่งโดยปกติจำเป็นต้องได้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 หลังจากบันคีมูน เลขาธิการยูเอ็น กระตุ้นให้ที่ประชุมดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับกัดดาฟี
ในระหว่างการอภิปรายเป็นเวลาสั้นๆ ไม่มีผู้ใดที่ลุกขึ้นมาพูดสนับสนุนรัฐบาลลิเบียแม้แต่คนเดียว แม้ทางเวเนซุเอลาจะกล่าวหาสหรัฐฯ ว่ากำลังวางแผนบุกรุกลิเบีย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน หรือยูเอ็นเอชอาร์ซี ระงับสมาชิกภาพของประเทศสมาชิก ซึ่งซูซาน ไรซ์ ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นชี้ว่า การกระทำครั้งนี้เป็นข้อความเตือนอย่างโจ่งแจ้งที่ส่งถึงกัดดาฟี และผู้ที่เข้าข้างเขา ให้หยุดการสังหารประชาชน และตอกย้ำข้อเรียกร้องให้เขาลงจากอำนาจได้แล้ว
การดำเนินการครั้งนี้มีขึ้น 3 วันหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นประกาศใช้มาตรการลงโทษลิเบีย ซึ่งรวมถึงการห้ามการเดินทาง การยึดทรัพย์ของกัดดาฟี ครอบครัวของเขา และเจ้าหน้าที่ระดับผู้นำ ห้ามการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเรียกร้องให้มีการสอบสวนความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ส่วนมาร์ค ลายออล แกรนท์ ทูตอังกฤษ เสริมว่า มีความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจะดำเนินมาตรการลงโทษลิเบียเพิ่มเติมอีก ขณะที่ยังทบทวนประเด็นเขตห้ามบินอยู่ โดยอยู่ในขั้นตอนปรึกษาหารือกันระหว่างสมาชิกที่มีความเห็นแตกต่าง