เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการลิเบียแถลงโจมตีมาตรการลงโทษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าไม่มีผลบังคับใช้ พร้อมอ้างประเทศกลับสู่ความสงบสุขแล้ว เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากฝ่ายค้านถูกล้อมไว้หมด
กัดดาฟีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์พิงค์ เทเลวิชัน ของเซอร์เบีย ซึ่งเป็นการกล่าวผ่านสื่อต่างชาติที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักว่า คณะมนตรีความมั่นคง หรือยูเอ็นเอสซีได้ลงมติที่ถือเป็นโมฆะ ตามบทบัญญัติในกฎบัตรของสหประชาชาติ
"เป็นไปได้อย่างไรที่คณะมนตรีความมั่นคงจะลงมติด้วยหลักฐานอ้างอิงจากรายงานของสื่อ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และขัดกับสามัญสำนึก" เขากล่าวเป็นภาษาอาหรับ โดยมีคำบรรยายเป็นภาษาเซอร์เบีย
ในวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา ยูเอ็นเอสซีมีมติลงโทษกัดดาฟี ครอบครัวของเขา และพวกพ้อง โดยห้ามการเดินทาง และยึดทรัพย์สิน รวมถึงห้ามขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ลิเบีย ซึ่งทางยูเอ็นชี้ว่ามีประชาชนมากกว่า 1,000 รายถูกสังหาร
ในถ้อยแถลงทางโทรศัพท์ดังกล่าว ผู้นำลิเบียยังยืนกรานว่า สถานการณ์ในประเทศกลับสู่ภาวะปกติ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแล้ว ทั้งยังอ้างว่าผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีจำนวนมากมายแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ประณามกลุ่มอัลกออิดะห์ว่าเป็นฝ่ายก่อเหตุรุนแรง และสังหารพลเรือนชาวลิเบีย นับตั้งแต่การชุมนุมประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำว่าผู้ชุมนุมฝ่ายค้าน ที่ต้องการโค่นล้มอำนาจเขานั้นถูกยุยงส่งเสริม
สำหรับพื้นที่ส่วนที่ถูกกบฏติดอาวุธ ซึ่งประกอบด้วยนักรบยุวชน และทหารแปรพักตร์ยึดครองไปได้แล้ว อย่างเบงกาซี มิสราตา และอัลไบดา นั้น กัดดฟีระบุว่าเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งถูกกองกำลังปิดล้อมไว้แล้ว