ฮิวแมนไรต์วอตช์จวก “ทหารไทย” ฆ่าประชาชนในเหตุชุมนุมเสื้อแดง

เอเอฟพี - องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์ วอตช์ กล่าวหาทหารไทย ว่า “สังหารพลเรือนอย่างเลือดเย็น” ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 ราย

ฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุวันนี้ (3) ว่า ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ปีที่แล้ว ทหารไทยใช้ความรุนแรงเกินสมควร รวมถึงหน่วยแม่นปืน เพื่อบดขยี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล

“จากภาพที่เราเห็น ทหารยิงใส่ประชาชน ส่วนกลุ่มติดอาวุธก็ยิงใส่ทหาร แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถเอาผิดใครได้” แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว

ฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุว่า ทหารซึ่งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบบนรางรถไฟฟ้า กระหน่ำยิงใส่ประชาชนในวัดปทุมวนาราม “ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เลือกหน้า” ทำให้บริเวณวัดซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดความรุนแรง กลับมีคนตายจำนวนมาก

“ความจริงก็คือพวกเขายิงใส่ประชาชน ซึ่งเราเห็นว่าเป็นการสังหารอย่างเลือดเย็น” อดัมส์ กล่าว โดยอ้างถึงผลพิสูจน์ที่ระบุว่า ผู้เสียชีวิตในวัดอย่างน้อย 1 คน และอีก 2 คนที่หน้าวัด ถูกยิงโดยทหาร

“เมื่อใดที่ทหารยกปืนเล็งไปที่บุคคลซึ่งไม่มีอาวุธ และตัดสินใจลั่นไก นั่นถือเป็นการฆาตกรรม แม้จะทำไปตามคำสั่งของรัฐบาลก็ตาม” อดัมส์ กล่าว

ในรายงานซึ่งใช้ชื่อว่า “จมลงสู่ความวุ่นวาย” (Descent into Chaos) ฮิวแมนไรต์วอตช์ ยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยที่ใช้คำเรียกผู้ประท้วงว่า “ผู้ก่อการร้าย” รวมถึงการประกาศให้พื้นที่บางส่วนในกรุงเทพมหานครเป็น “เขตกระสุนจริง”

“นี่ไม่ใช่ฉากสงคราม แต่เป็นความไม่สงบทางสังคมที่รุนแรง” อดัมส์ แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงเทพมหานคร

ส่วนกลุ่มติดอาวุธฝ่ายผู้ประท้วงซึ่งรู้จักกันดีในนาม “คนชุดดำ” ก็ใช้ทั้งปืนไรเฟิล และระเบิดโจมตีทหาร โหมกระพือความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

การปะทะระหว่างทหารและผู้ประท้วงเสื้อแดงในช่วง 2 เดือนดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 1,900 ราย โดยส่วนมากเป็นพลเรือน

แม้ว่าไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปเร็วๆ นี้ ทว่า การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายซึ่งเป็นผลจากการประท้วง ก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในสังคมอย่างยากที่จะลบเลือน

“ความเกลียดชังยังคงติดค้างอยู่ในใจของทั้งสองฝ่าย และการหาเสียงเลือกตั้งจะทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นแน่นอน” อดัมส์ ระบุ

ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ที่ตั้งขึ้นเพื่อวิเคราะห์สาเหตุการประท้วง ทำงานล่าช้าเกินไป ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งรับหน้าที่สอบสวนเหตุประท้วง “ก็เหมือนถูกครอบงำโดยรัฐบาล”

“ดูเหมือนว่า การสอบสวนของดีเอเอสไอคงไม่นำไปสู่การเปิดเผยความจริงใหม่ๆ ได้”