เอเอฟพี - ขณะสึนามิซัดถล่มชายฝั่งอินโดนีเซีย ในจังหวัดอาเจะห์ เมื่อปี 2004 ซาห์รุล ฟูอาดี เคยตะเกียกตะกายพาครอบครัวเอาชีวิตรอดมาได้แล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น เขาได้ทุนไปศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยโตโฮกุ เมืองเซนได ก็พลันเกิดแผ่นดินไหว-สึนามิถล่มเมืองที่เขาอยู่อีกครั้ง และหนนี้ ซาห์รุล ฟูอาดี ก็รอดพ้นเงื้อมมือคลื่นมัจจุราชได้เช่นเคย
ซาห์รุล ฟูอาดี วิศวกรชาวอินโดนีเซียวัย 39 ปีผู้นี้ กำลังร่วมงานสัมมนาวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยโตโฮกุ เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ขณะเกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.0 ซึ่งก่อคลื่นสึนามิ โถมเข้าใส่พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมืองเซนได ซึ่งมีรายงานว่า ปรากฏคลื่นสึนามิความสูงถึง 10 เมตรถล่มเมือง
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซาห์รุล ฟูอาดี เคยหนีรอดจากคลื่นสึนามิ ซึ่งคร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายไปประมาณ 168,000 คนในอินโดนีเซีย หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.3 ใต้ทะเล บริเวณนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา เมื่อปี 2004
“ผมเคยรอดชีวิตจากวิกฤตภัยธรรมชาติครั้งใหญ่มาถึงสองครั้งสองครา ผมปลาบปลื้มมากกับการมีชีวิตอยู่ มีคนไม่มากนักที่เคยผ่านหายนะใหญ่ 2 ครั้งแล้วรอดตาย” ฟูอาดี กล่าวกับเอเอฟพี
บ้านพักของ ซาห์รุล ฟูอาดี ในเมืองบันดาอาเจะห์ ถูกสึนามิทำลายเมื่อปี 2004 หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เขาเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ว่า “ตอนเกิดแผ่นดินไหว ครอบครัวผมอยู่กันในบ้าน ผม ภรรยา และลูกๆ 2 คน ขับมอเตอร์ไซค์หนีคลื่นสึนามิ เราหนีไปไกลมากๆ เพราะกลัวสึนามิเหลือเกิน”
ต่อมา ซาห์รุล ฟูอาดี ได้งานสอนที่มหาวิทยาลัยชาห์กัวลา ในเมืองบันดาอาเจะห์ ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายตามเขาไปยังเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ เนื่องจากฟูอาดีได้รับทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ณ วิทยาลัยโตโฮกุ
เขากำลังอยู่ระหว่างงานสัมมนาในอาคาร 3 ชั้นของมหาวิทยาลัยโตโฮกุ เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ขณะเกิดแผ่นดินไหว ความรุนแรงขนาด 9.0 ซึ่งก่อคลื่นสึนามิซัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
“บริเวณหอพักที่เราอยู่ไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีเศษกระจกแตกกระจาย มีเพียงเศษจาน และหนังสือที่หล่นกองอยู่บนพื้น … อันที่จริงผมกลัวสึนามิมากกว่าแผ่นดินไหวเสียอีก ผมเคยหนีสึนามิในอาเจะห์มาก่อนแล้ว ตอนนั้นผมคิดว่า มันคืนวันอวสานของโลก”
ซาห์รุล ฟูอาดี อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมาตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เขาและครอบครัวรอดพ้นสึนามิครั้งนี้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยโตโฮกุ ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร เกินกว่ารัศมีทำลายล้างของคลื่นยักษ์ อย่างไรก็ตาม ฟูอาดี เดินทางกลับจังหวัดอาเจะห์ เมื่อวันอังคาร (15) ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด
“ผมวางแผนกลับไปยังเมืองเซนไดอีก เพราะยังมีงานคั่งค้างอยู่ แต่ตอนนี้ ผมยังกังวลเรื่องกัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์” เขากล่าว
อนึ่ง อินโดนีเซียได้รับความเสียหายหนักที่สุดจากคลื่นสึนามิ เมื่อปี 2004 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 220,000 ราย เฉพาะในอินโดนีเซียประเทศเดียวมีผู้เสียชีวิตมากถึง 168,000 คนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น