เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการของลิเบียให้สัมภาษณ์สื่อนอก ระบุ “ประชาชนทั้งประเทศยังรักผม” โดยเมินแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลกให้เขาลงจากตำแหน่ง และอาจต้องลี้ภัยไปต่างแดน หลังครองอำนาจมานานกว่า 40 ปี
“พวกเขารักผม ประชาชนทั้งประเทศกับผม พวกเขารักผมทั้งหมด พวกเขาจะตายเพื่อปกป้องผม” ผู้นำลิเบียกล่าวเป็นภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ในระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐฯ สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ และเดอะไทมส์ของลอนดอน
กัดดาฟี ซึ่งนั่งให้สัมภาษณ์ในกรุงตริโปลียังกล่าวอ้างว่า ไม่มีผู้ชุมนุมประท้วงบนท้องถนนต่อต้านรัฐบาลของเขาแล้ว พร้อมตอบข้อซักถามเกี่ยวกับความคิดที่จะงัดอาวุธชีวภาพออกมาใช้เพื่อยึดครองอำนาจต่อไปว่า เขากำจัดอาวุธเหล่านั้นทิ้งไปหมดแล้ว
นอกจากนี้ กัดดาฟี ยังกล่าวโจมตีตอบโต้ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เขาลาออก อันเนื่องมาจากความไม่พอใจในการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างนองเลือด
“นี่เป็นการทรยศ พวกเขาไม่มีศีลธรรมเลย ผมประหลาดใจที่เรามีพันธมิตรชาติตะวันตกเพื่อต่อสู้กับกลุ่มอัลกออิดะห์ และตอนนี้เรากำลังสู้กับผู้ก่อการร้าย แต่พวกเขากลับทอดทิ้งเรา” เขากล่าว โดยว่า “บางทีพวกเขาคงต้องการยึดครองลิเบีย”
เอบีซี รายงานเสริมว่า กัดดาฟี ยังยืนกรานที่จะไม่ลงจากอำนาจ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นทั้งประธานาธิบดี หรือกษัตริย์ ทั้งยังท้าทายผู้ที่บอกว่าเขาซุกซ่อนเงินไว้ในต่างประเทศ ให้หาหลักฐานมาพิสูจน์
ผู้นำลิเบียยังได้เชิญสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ ให้เข้าไปติดตามค้นหาความจริงในประเทศของเขาด้วย
ด้าน เจเรมี โบเวน นักข่าวจากบีบีซีเผยว่า การสัมภาษณ์ผู้นำลิเบียมีขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงตริโปลี โดยกัดดาฟีมีท่าทีผ่อนคลายตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการสัมภาษณ์
กัดดาฟีหัวเราะกับคำถามที่ว่าเขาจะยอมทำตามข้อเรียกร้องให้ลงจากตำแหน่งหรือไม่ โดยว่าทำไมเขาจะต้องออกจากประเทศของตัวเอง และกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ประท้วงที่ก่อความไม่สงบนั้นเป็นเพียงผู้อยู่ใต้อิทธิพลของยาเสพติด ที่ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ซึ่งก็คือ กลุ่มอัลกออิดะห์
เขาเสริมว่า ผู้คนจับอาวุธขึ้นต่อต้านรัฐบาล แต่ผู้สนับสนุนเขาได้รับคำสั่งไม่ให้ยิงตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้ แม้จะมีพยาน ที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่ากองกำลังของกัดดาฟีนั้นโจมตีผู้ชุมนุมด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดในเมืองอับจาบิยา ทางใต้ของกรุงตริโปลีก็ตาม