เอเจนซี - ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติในญี่ปุ่นซึ่งขายได้ทุกอย่างตั้งแต่ปูเป็นๆ ไปจนถึงเสื้อชั้นในใช้แล้ว เพิ่งเปิดตัวสินค้ามีค่าชนิดใหม่เป็นครั้งแรก นั่นก็คือ ทองคำ
บริษัทผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และนำเข้าทองคำ สเปซ อินเตอร์เนชันแนล เป็นผู้ริเริ่มนำทองคำมาจำหน่ายผ่านตู้ขายอัตโนมัติเป็นรายแรกในญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้หันมาซื้อทองกันมากขึ้น โดยทองที่ขายจะอยู่ในรูปเหรียญทอง และทองคำแท่ง
ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นชนชาติที่ไม่ชอบความเสี่ยงมักนิยมสะสมทองมากกว่าโลหะมีค่าอื่นๆ หรือไม่ก็ลงทุนในกองทุนทองคำต่างๆ แต่ขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนในการซื้อขายทองก็เป็นปัญหาสำหรับคนที่อยากจะเป็นนักเล่นทองกับเขาบ้าง
“ที่ผ่านมาเราใช้วิธีรับใบสั่งซื้อทางไปรษณีย์ จนกระทั่งปีที่แล้วเราจึงได้หาวิธีที่จะลดภาระงาน และหลีกเลี่ยงขั้นตอนลงทะเบียนที่น่ารำคาญ” มากิชิ โรกุงาวา ประธานบริษัท สเปซ อินเตอร์เนชันแนล ระบุ
“ดังนั้นเราจึงพัฒนาเครื่องจำหน่ายทองคำ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อทองได้ถูกลงและสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
ตู้ชนิดนี้จะจำหน่ายทั้งทองคำและเงินในรูปเหรียญหรือแท่ง ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กรัม (0.032 ออนซ์) ขึ้นไป
ราคาจำหน่ายแตกต่างกันไปในแต่ละวันตามชนิดของโลหะ เช่น ขณะนี้เหรียญทองคำ 1 เหรียญจากบริษัท เพิร์ท มินท์ ของออสเตรเลีย มีราคาสูงที่สุดราว 38,350 เยน หรือ 466 ดอลลาร์
ตู้จำหน่ายทองคำตู้แรกถูกนำไปวางที่ล็อบบีของบริษัท สเปซ อินเตอร์เนชันแนล เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีลูกค้ามาใช้บริการแล้วประมาณ 50 คน
“ซื้อทองจากธนาคารหรือร้านทองค่อนข้างน่ารำคาญ เพราะต้องกรอกเอกสารเยอะแยะไปหมด ผมว่าตู้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ชินิจิโร ทากิซาวา วัย 42 ปี กล่าว โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเขาซื้อทองสะสมไว้ประมาณ 100 กรัม (3.2 ออนซ์) แล้ว
“แต่ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าราคาจะถูกต้องหรือเปล่า เพราะเครื่องไม่ได้บอกราคาตลาดในขณะซื้อ”
ทองถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมพุ่งสูงสุดในรอบ 28 ปี แตะระดับ 48 ดอลลาร์ต่อ 1 กรัม
โรกุงาวา หวังว่า วิธีจำหน่ายแบบใหม่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อภายในประเทศ ก่อนที่จะเปิดตัวตู้สินค้าชนิดนี้ออกไปสู่ตลาดในเอเชียและส่วนอื่นๆของโลก
“มีความต้องการเครื่องขายสินค้าชนิดนี้ในภูมิภาคอื่นๆเช่นกัน ดังนั้นเราจึงจะผลิตให้มากขึ้น แต่ยังไม่มีแผนส่งออกไปต่างประเทศ” เขากล่าว
สมาคมตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ระบุว่า ปัจจุบันมีเครื่องจำหน่ายสินค้าอยู่ทั่วญี่ปุ่นในอัตราส่วน 1 ต่อประชากร 32 คน ซึ่งทำรายได้สูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2009