เอเอฟพี - ประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลีของตูนิเซีย ลี้ภัยออกจากประเทศไปยังซาอุดีอาระเบีย ท่ามกลางคลื่นผู้ชุมนุมประท้วงรุนแรงถึงขั้นนองเลือด เพื่อโค่นล้มอำนาจการปกครองประเทศของเขาที่ยาวนานมาถึง 23 ปี ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในโลกอาหรับ
เบน อาลีลงนามในกฤษฎีกามอบอำนาจรักษาการประธานาธิบดีให้แก่นายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด กานนูชี และเดินทางออกจากตูนิเซียทันทีหลังจากไม่สามารถระงับความโกรธแค้นของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากการปกครองแบบเผด็จการของเขา
ขณะที่ซาอุดีอาระเบียประกาศอย่างเป็นทางการในเช้าวันนี้ (15) ว่า รัฐบาลได้เป็นเจ้าบ้านต้อนรับประธานาธิบดีเบน อาลี และครอบครัวของเขาแล้ว เพื่อสนับสนุนความมั่นคง และความมีเสถียรภาพของพี่น้องประชาชนชาวตูนิเซีย โดยหวังว่าพวกเขาจะผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากครั้งนี้ไปได้
กานนูชีกล่าวในแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ หลังจากวันแห่งการจลาจลซึ่งทำให้เมืองหลวง และอีกหลายเมืองในตูนิเซียลุกเป็นไฟ ว่า เขาได้ยึดอำนาจจากประธานาธิบดีแล้ว พร้อมกับให้สัญญาว่าจะปฏิรูปสังคม และการเมืองของประเทศ ด้านรัฐบาลก็ประกาศจะจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใน 6 เดือน
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ยกย่องความกล้าหาญ และความภาคภูมิใจของผู้ชุมนุมชาวตูนิเซีย และเรียกร้องให้การเลือกตั้งที่เสรี และยุติธรรมในอนาคตอันใกล้
ส่วนสหภาพยุโรปแสดงการสนับสนุน และยอมรับต่อประชาชนชาวตูนิเซีย และความปรารถนาต่อประชาธิปไตยของพวกเขา ซึ่งสมควรลุล่วงด้วยสันติวิธี
เบน อาลีก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารซึ่งไร้การนองเลือดในปี 1987 ในช่วงที่ประเทศซบเซา โดยแรกเริ่มเขาได้รับการยกย่องจากประชาชนจำนวนมากในด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจเสรี และล้มพรรคอิสลามิสต์ เอนนาห์ดา ทว่าในเวลาต่อมากลับถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการยึดอำนาจ และคอรัปชัน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาอาหารแพงและการว่างงาน ลุกลามกลายเป็นความรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ โดยที่ใครก็ตามไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว หรือหลบหนีกองกำลังรักษาความมั่นคง สามารถถูกยิงได้ทันที
การเดินทางออกนอกประเทศของประธานาธิบดีตูนิเซียครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำชาติอาหรับถูกโค่นลงจากอำนาจ โดยพลังประชาชนที่รวมตัวกันชุมนุมประท้วงกดดัน