เอเอฟพี – ที่ประชุมผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม นักวิทยาศาสตร์ และเอ็นจีโอที่เกาะบาหลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการถกเถียงกันถึงชื่อเสียงในทางลบของน้ำมันปาล์มซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นตอของปัญหาตั้งแต่การตัดไม้ทำลายป่าไปจนถึงการคุกคามอูรังอูตังถึงขั้นใกล้สูญพันธุ์ ทว่าเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันยืนยันว่าพืชชนิดนี้เป็นแหล่งรายได้สำคัญ
“หยุดมองน้ำมันปาล์มเป็นปีศาจร้ายเสียที” กาโตต์ อิริอันโต ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของกระทรวงการเกษตรอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฝ่ายเจ้าภาพ เสนอให้มองน้ำมันปาล์มว่าเป็น “ของขวัญจากธรรมชาติ” ซึ่งช่วยขจัดความยากจนให้กับประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก
แต่ในโลกตะวันตก “น้ำมันปาล์ม” กลับเป็นคำพูดติดปากอันหมายถึงหายนะทางนิเวศวิทยา เนื่องจากการปลูกปาล์มน้ำมันจะต้องเผาถางป่าเป็นพื้นที่กว้าง จึงมีส่วนสำคัญต่อปัญหาโลกร้อนด้วย
นาซีร์ โฟแอด หัวหน้ากองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) อินโดนีเซีย กล่าวว่าน้ำมันปาล์มสมควรจะมีชื่อเสียงด้านลบ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้อินโดนีเซียและมาเลเซียเผาทำลายป่าเขตร้อนไปหลายล้านเอเคอร์
ทว่าเขาก็เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง เมื่อผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบางส่วนถูกแรงกดดันให้ทบทวนธุรกิจของตน เช่นกรณีของบริษัทสมาร์ทในอินโดนีเซีย ที่เพิ่งถูกยูนิลีเวอร์ถอนการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจไป หลังมีรายงานของกรีนพีซระบุว่า ธุรกิจของสมาร์ทเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า
แม้ว่าผู้บริหารของสมาร์ทจะปฏิเสธว่าข้อมูลของกรีนพีซไม่ถูกต้อง แต่บริษัทก็ให้คำมั่นว่าจะดำเนินธุรกิจในแบบยั่งยืนโดยลดการก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง
ทว่า ความต้องการน้ำมันปาล์มในตลาดโลกก็ยังมีสูงมาก โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย ทางเลือกสำหรับผู้ผลิตในเอเชียและแอฟริกา ก็คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินโดยหันไปเพิ่มการใช้พื้นที่ป่าเสื่อมสภาพให้มากขึ้น
