เอเอฟพี - ศาลของยูเครนเมื่อวันพุธ(17) มีคำสั่งระงับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่นาย วิกเตอร์ ยานูโกวิช ได้รับชัยชนะ หลังจากนาง ยูเลีย ติมอเชงโก ผู้พ่ายแพ้ ยื่นคำร้องคัดค้านผลเลือกตั้ง
ศาลปกครองสูงสุดแห่งยูเครน วินิจฉัยว่าให้ระงับผลการเลือกตั้งรอบสุดท้าย ขณะที่ศาลจะพิจารณาคำร้องของติมอเชงโก ซึ่งกล่าวอ้างว่าศึกเลือกตั้งมีมลทินจากการกระทำผิดอย่างกว้างขวาง
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ติมอเชงโก ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์เป็นโมฆะสืบเนื่องจากการกลโกงครั้งมหึมา
คำประท้วงของเธอมีขึ้นแม้ว่าผู้สังเกตการณ์นานาชาติได้ยกย่องการเลือกตั้งครั้งนี้ว่ายุติธรรมและเป็นประชาธิปไตย ส่วนผู้นำชาติตะวันตกซึ่งรวมไปถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็ออกมาแสดงความยินดีกับยานูโกวิช
ทั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหากว่าศาลพบว่าศึกเลือกตั้งดังกล่าวมีการทำผิดกฎหมาย ขณะที่พิธีสาบานตนของยานูโกวิช ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ฝ่าย ส.ส.ที่สนับสนุน ติมอเชงโก บอกว่าพวกเขามีแผนร้องขอให้ยกเลิกการสาบานตนครั้งนี้ ทว่าอันเดรีย มาเกรา คณะกรรมการการเลือกตั้ง บอกว่าคำตัดสินของศาลอาจมีออกมาไม่ทันเวลา
ในคำร้องของ ติมอเชงโก เธอยังขอให้ระงับการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของยานูโกวิชด้วย แต่ศาลบอกว่าไม่อยู่ในสถานะที่จะวินิจฉัยประเด็นนี้
ยานูโกวิช มีชัยเหนือ ติมอเชงโก ราว 3.5 เปอร์เซ็นต์ หรือเพียง 890,000 คะแนน และทาง ติมอเชงโก โต้แย้งว่ามีการโกงคะแนนเสียงราว 1 ล้านคะแนน ทำให้ผลที่ออกมาในภายหลังอยู่ในความสงสัย
นายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้อ้างด้วยว่า ผู้สังเกตการณ์บางคนจากองค์การเพื่อความมั่นคงและการร่วมมือกันในยุโรป (OSCE) เตรียมที่จะให้การในศาลว่า มีการฉ้อโกงการเลือกตั้งกันอย่างเป็นระบบ ทว่ากลุ่มผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งของฝ่ายตะวันตก ซึ่งรวมทั้ง OSCE ด้วย ต่างออกมาแถลงแล้วว่าการเลือกตั้งของยูเครนคราวนี้เป็นไปอย่างใสสะอาด
อนึ่ง ติมอเชงโกกล่าวว่าเธอจะไม่จัดการประท้วงใหญ่แบบเดียวกับที่เคยเป็นแกนนำคนหนึ่งใน “การปฏิวัติสีส้ม” ที่จัตุรัสอิสรภาพในกรุงเคียฟเมื่อปี 2004
โดยในครั้งนั้นเป็นการประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งยานูโควิชได้ชัยชนะเช่นกัน แต่ต่อมาศาลได้ตัดสินให้จัดการเลือกตั้งใหม่ และปรากฏว่าวิกเตอร์ ยูเชนโก ซึ่งเป็นผู้นำคนหนึ่งของ “การปฏิวัติสีส้ม” ที่โลกตะวันตกให้การสนับสนุนเป็นผู้ชนะ