เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร (3) ปิดบวกกว่า 1 ดอลลาร์ ขณะที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้แรงหนุนจากราคาทองที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านวอลล์สตรีท ขยับเล็กน้อยท่ามกลางความสงสัยต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดน้ำมันมีขึ้นตามราคาทองที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันอังคาร(3) แตะระดับ 1,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนึ่งวันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงขายทอง 200 ตัน ให้กับอินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยราคาที่สูงเกือบถึงระดับสถิติสูงสุด เป็นประวัติการณ์ โดยได้ราคารวม 6,700 ล้านดอลลาร์ (หรือเท่ากับประมาณ 1,045 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
ธุรกรรมครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุวัตถุประสงค์ตามโครงการขายทองคำของไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะช่วยให้มีเงินสำรองในระยะยาวที่แข็งแกร่ง และสามารถเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้กับประเทศยากจนที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่งด้วย
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานเมื่อวันอังคาร(3) ในการซื้อขายที่ผันผวนท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับทิศทางการฟื้นตัวจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกและนักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนหน้าธนาคารกลางสหรัฐฯจะประชุมหารือปรับอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 18.52 จุด (0.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,770.92 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 8.12 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,057.32 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.30 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,045.18 จุด
แม้บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ตกลงซื้อกิจการของ เบอร์ลิงตัน นอร์เธิร์น ซานตาเฟ หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ของประเทศ ด้วยวงเงิน 34,000 ล้านบาท แต่นักลงทุนเห็นว่ายังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศกลับมาขยายตัวแล้ว ขณะที่ยังมีข้อมูลลบของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่ประกาศเตรียมปรับลดคนงานลง 7,000 ตำแหน่ง และปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อหวังลดต้นทุน