xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นกร้าวไม่หงอแรงบีบสหรัฐฯ ไม่รีบชี้ขาดอนาคตฐานทัพมะกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเข้าพบรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว เมื่อวันอังคาร(20)ที่ผ่านมา
เอเอฟพี/เอเจนซี - “ญี่ปุ่น” กร้าวใส่ “สหรัฐฯ” เรียกร้องให้เคารพต่อกระบวนการประชาธิปไตย และความต้องการที่แท้จริงของคนญี่ปุ่น ในประเด็นขัดแย้งเรื่องฐานทัพอเมริกันบนเกาะโอกินาวา พร้อมยืนยันไม่ตัดสินใจเรื่องฐานทัพนี้ก่อน “โอบามา” เดินทางเยือนในเดือนหน้า ตามที่วอชิงตันเร่งรัดมา

คัตสึยะ โอกาดะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น วัย 56 ปี กล่าวให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ทีบีเอส ในกรุงโตเกียว วันพฤหัสบดี (22) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถตัดสินใจเรื่องอนาคตเกี่ยวกับการคงไว้ซึ่งฐานทัพ และกำลังทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการบนเกาะโอกินาวา ให้เสร็จสิ้นก่อนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายนนี้ โดย โอกาดะ ประกาศว่า ญี่ปุ่นต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการตัดสินใจ พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันเคารพต่อกระบวนการประชาธิปไตยและความต้องการที่แท้จริงของคนญี่ปุ่นในเรื่องดังกล่าว

“ผมไม่คิดว่าเราจะตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างง่ายๆ ในระยะเวลาอันน้อยนิด ด้วยการยอมรับในสิ่งที่สหรัฐฯ บอกเรา เพียงเพราะว่านั่นเป็นความประสงค์ของสหรัฐฯ นอกจากนั้นเจตจำนงของผู้คนบนเกาะโอกินาวา รวมทั้งของชาวญี่ปุ่นทั้งมวล ก็ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา” โอกาดะ บอก

การออกมาพูดเช่นนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น มีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่ รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ พยายามกดดันในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ (21) ให้รัฐบาลญี่ปุ่นเร่งตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงทวิภาคีเรื่องการย้ายฐานทัพสหรัฐฯบนเกาะโอกินาวา ให้ทันก่อนที่ประธานาธิบดี โอบามา จะเดินทางเยือน

ข้อตกลงดังกล่าวได้รับความเห็นชอบไปเมื่อปี 2006 ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯเป็นคณะรัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ส่วนฝ่ายญี่ปุ่นก็เป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี (แอลดีพี) สาระสำคัญของข้อตกลงนี้ คือ ให้ย้ายฐานทัพอากาศฟูเตนมะ จากที่ตั้งปัจจุบันที่อยู่ใกล้กับเมืองนาฮา อันเป็นเมืองเอกของเกาะโอกินาวา ไปยังเขตชายฝั่งตอนเหนือที่มีประชากรน้อยกว่าภายในปี 2014 และย้ายนาวิกโยธินจำนวนประมาณ 8,000 คนจากเกาะโอกินาวา ไปยังเกาะกวมซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิกแทน โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นภายใต้การนำของพรรคเดโมเครติก ปาร์ตี ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านของญี่ปุ่นในช่วงที่มีการทำข้อตกลงดังกล่าว ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าจะทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ยูกิโอะ ฮาโตยามะ นำพรรคดีพีเจ ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก็ได้ใช้นโยบายหาเสียง ระบุว่า ต้องการให้ฐานทัพสหรัฐฯ ย้ายออกไปจากเกาะโอกินาวา หรือย้ายออกไปจากญี่ปุ่นโดยถาวรด้วยซ้ำ หลังมีข้อร้องเรียนจำนวนมากจากชาวบ้านบนเกาะเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของทหารสหรัฐฯ ปัญหามลพิษทางเสียง และความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องบินและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของสหรัฐฯ

ด้าน ยาสึโนรึ โซเนะ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคโอในโตเกียว ออกมาวิจารณ์ท่าทีอันแข็งกร้าวที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ใช้ในการกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “ในอดีต ถ้าสหรัฐฯ เลือกที่จะใช้ไม้แข็ง รัฐบาลญี่ปุ่นทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาก็มักจะยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กรณีเช่นนั้นไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ ทาเคฮิโกะ ยามาโมโตะ แห่งมหาวิทยาลัยวาเซดะ ออกมาระบุว่า ความขัดแย้งในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบไม่เพียงแต่เฉพาะความสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนานระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯเท่านั้น แต่จะมีผลต่อแรงสนับสนุนภายในประเทศต่อตัวนายกรัฐมนตรีฮาโตยามะเช่นกัน

ท่าทีกริ่งเกรงเช่นนี้สอดคล้องกับบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน นิกเคอิ ที่ระบุว่า หากปมขัดแย้งด้านความมั่นคงนี้ยืดเยื้อออกไป ความเป็นพันธมิตรระหว่างทั้ง 2 ชาติที่เคยแนบแน่นก็จะเสื่อมถอย และจะเป็นการเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดี โอบามา หันไปหาจีน ในฐานะหุ้นส่วนใหม่ที่เท่าเทียมกันทางด้านความมั่นคงแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น