เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานคราวเดียวเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นมาปิดเหนือ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลวานนี้ (21) ถือเป็นราคาปิดสูงสุดตลอดรอบ 1 ปี เนื่องจากปัจจัยเงินดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่ราคาหุ้นสามัญขยับสูงขึ้น ประกอบกับปริมาณน้ำมันตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯลดลงกว่าที่คาด อันเป็นสัญญาณแง่บวกของเศรษฐกิจ
เมื่อวานนี้ (21) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ปรับขึ้น 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมปี 2008 ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของตลาดลอนดอนขยับขึ้น 2.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) แถลงว่า ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันรายใหญ่สุดในโลก ประจำสัปดาห์ล่าสุด ลดลงถึง 2.3 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดหมาย ส่วนปริมาณน้ำมันดิบตามคลังเก็บเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าจะขยับขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรล
“ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯ ลดลงแบบนี้ ย่อมส่งผลดีต่อตลาด” ไมค์ ซาเรมบ์สกี นักวิเคราะห์ระดับอาวุโสในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จากออปชั่นส์เอ็กซ์เพรสในชิคาโกกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเล็งเห็นปัจจัยค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ขณะที่ราคาหุ้นสามัญขยับสูงขึ้น
“ตราบใดที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าและราคาหุ้นขยับสูงขึ้น บรรดานักลงทุนจะยังคงซื้อขายพลังงาน” ซาเรมบ์สกีกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มที่อ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันกลับขึ้นสูง เนื่องจากพวกกองทุนต่างๆ ใช้น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เป็นเครื่องประกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ที่ต่ำลง ดังนั้น เมื่อสกุลเงินตราของสหรัฐฯ อ่อนตัว น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นก็ต้องมีราคาขยับขึ้น
