เอเจนซี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นอีกเล็กน้อยในวันอังคาร(6) หลังนักลงทุนหันไปซื้อสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่าและรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับเพิ่มประมาณการณ์อุปสงค์พลังงานโลก ขณะที่วอลล์สตรีทปิดในแดนบวก ตามหลังข่าวธนาคารกลางออสเตรเลียขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) ออกรายงานปรับเพิ่มประมาณการณ์อุปสงค์พลังงานโลกระหว่างไตรมาส 4 ปีนี้และสำหรับปี 2010 บนความคาดหมายว่าเศรษฐกิจในเอเชียจะฟื้นตัว
อีไอเอคาดหมายว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 170,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงไตรมาส 4 และคาดคะเนว่าการบริโภคพลังงานจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า หลังจากรายงานครั้งก่อนหน้านี้อีไอเอ ประมาณการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2010 จะเพิ่มขึ้น 910,000 บาร์เรลต่อวัน
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 70.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งขยับขึ้นไปถึง 71.97 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่เบรนท์ลอนดอน เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 68.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ราคาน้ำมันปิดตัวในแดนบวก คือ กรณีธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไม่คาดหมาย ความเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณถึงนักลงทุนว่าเศรษฐกิจโลกอาจพื้นตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนอุปสงค์ทางพลังงานตามไปด้วย
ทั้งนี้ มุมมองในด้านบวกต่อกรณีออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 3.25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับนับเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่ม “จี20” ตลอดจนในบรรดาประเทศอุตสาหกรรมสำคัญของโลก ที่เริ่มเคลื่อนไหวขยับขึ้นดอกเบี้ย ได้ผลักให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(6) ปิดในแดนบวกกว่า 100 จุด โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่านี่คือหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 131.50 จุด (1.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,731.25 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 35.42 จุด (1.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,103.57 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.26 จุด (1.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,054.72 จุด