เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ(5) ขยับขึ้นเล็กน้อยหลังสต๊อกน้ำมันกลั่นลดลง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดตัวลดลงหลังได้ปัจจัยลบจากข้อมูลที่พบว่าเดือนกรกฎาคมภาคเอกชนสหรัฐฯปลดพนักงานมากกว่าที่คาดหมายไว้
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ ปิดที่ 71.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนท์ลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของ สหรัฐฯ (อีไอเอ) ที่ระบุว่าคลังน้ำมันกลั่นสำรอง ซึ่งรวมไปถึงน้ำมันทำความร้อนและน้ำมันดีเซล ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 1 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานของอีไอเอยังระบุต่อว่า อุปสงค์น้ำมันกลั่นในช่วง 4 สัปดาห์หลังถึงวันที่ 31 กรกฎาคม เพิ่มขึ้นจาก 3.3 ล้านบาร์เรลแตะระดับเกือบ 3.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่ายังน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้วอยู่ 7.9 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
ด้วยสต๊อกน้ำมันกลั่นที่ลดลงได้ฉุดรั้งปัจจัยลบกรณีคลังน้ำมันดิบสำรองสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่า 800,000 บาร์เรลตามที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ ขณะที่โรงกลั่นลดอัตราการผลิตลง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ(5) ปิดตลาดในแดนลบครั้งแรกในรอบสัปดาห์ ตามหลังตัวเลขการจ้างงานและภาคบริการมะกันอ่อนแอเกินคาดหมาย ย้ำให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มทางเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 39.22 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,280.97 จุด แนสแดค ลดลง 18.26 จุด (0.91 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,993.05 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.93 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,002.72 จุด
รายงานของเอดีพี ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ในเดือนกรกฎาคม ภาคเอกชนมีการปลดคนงานไป 371,000 ตำแหน่ง แม้จะน้อยกว่าเดือนมิถุนายน แต่ก็ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้
กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลด้านการจ้างงานของเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ (7) ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายว่าอัตราคนว่างงานจะเพิ่มขึ้นจาก 9.5 เปอร์เซ็นต์ของเดือนมิถุนายน เป็น 9.6 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในรอบ 26 ปี