xs
xsm
sm
md
lg

จีนจะแซงญี่ปุ่นขึ้น “ศก.ที่ 2 โลก” ใน 2 ปี เพิ่มบารมีอินเตอร์-ฐานะ รบ.มั่นคงขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายชื่อเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของจีน ที่ยังคงมั่งคั่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
เอเอฟพี - จีนจะแซงหน้าญี่ปุ่น ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เป็นอันดับสองของโลก ภายในสองปีนี้ ซึ่งจะทำให้จีนมีอิทธิพลบารมีเพิ่มขึ้นมากในเวทีโลก และก็เพิ่มพูนฐานะความเข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์ภายในแดนมังกรเอง ทั้งนี้ เป็นความเห็นของพวกนักวิเคราะห์

ในสัปดาห์นี้ จีนจะแถลงตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจประจำไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งพวกนักเศรษฐศาสตร์พยากรณ์ว่า จะออกมาสูงถึง 9.5% เท่ากับจะยิ่งลดช่วงห่างที่ยังตามหลังญี่ปุ่น ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเติบโตเพียงแค่ 1% ในระยะเวลาเดียวกันนี้

เป็นที่คาดหมายกันว่า จีนจะแซงหน้าชิงตำแหน่งที่ญี่ปุ่นครอบครองอยู่มากกว่า 40 ปี ไปได้ภายในปี 2010 หรือไม่ก็ 2011 ถึงแม้พวกนักวิเคราะห์มองด้วยว่า การเปลี่ยนอันดับเช่นนี้จะเป็นเรื่องเชิงสัญลักษณ์ที่แทบไม่มีผลอะไรต่อภาวะการค้า

ดังที่ ท็อดด์ ลี นักวิเคราะห์แห่งไอเอชเอส โกลบอล อินไซต์ บอกว่า ขณะนี้จีนมีขนาดเศรษฐกิจเกือบจะเท่าญี่ปุ่นอยู่แล้วในภาพรวม ดังนั้น การก้าวขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก จึงไม่มีนัยเชิงสาระสำคัญมากนัก แต่กระนั้นจีนก็จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีเจรจาระดับโลก และทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสิทธิคุยถึงความสำเร็จและความภาคภูมิใจของประเทศ

ก่อนเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกคราวนี้ จีนมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นตัวเลขสองหลักตลอดช่วงระหว่างปี 2003-2007 รวมถึงสองไตรมาสแรกของปี 2008 ด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขึ้นมาอยู่ที่ 4.3 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก เปรียบเทียบกับของสหรัฐฯ ที่ 14.2 ล้านล้านดอลลาร์ และของญี่ป่นที่ 4.9 ล้านล้านดอลลาร์

เอริก ฟิชวิค หัวหน้าส่วนวิจัยเศรษฐกิจของซีแอลเอสเอ เอเชีย-แปซิฟิก มาร์เก็ต ในฮ่องกง กล่าวว่า การที่จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับสองของโลกในตอนไหน “เป็นเรื่องในเชิงคณิตศาสตร์เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่ดี เหตุผลก็คือจีนมีอัตราเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะที่ญี่ปุ่นยังอยู่ในสภาพชะงักงัน”

ฟิชวิค บอกว่า ถ้าต้องการดูว่าประเทศทั้งสองมีบทบาทต่อเศรษฐกิจของโลกมากแค่ไหน ปัจจัยที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องอัตราเพิ่มของการเติบโต ซึ่งในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าจีนมีบทบาทสำคัญกว่าญี่ปุ่นมานายแล้ว

สำหรับไตรมาสแรกปีนี้ จีนมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงไปอยู่ที่ 6.1% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี แต่เมื่อถึงไตรมาส 2 ก็สามารถดีดกลับขึ้นมาที่ระดับ 7.9% และคาดว่าจะทะลุ 8% ได้เมื่อคำนวณตลอดปี

การฟื้นตัวของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (586,000 ล้านดอลลาร์) และปล่อยกู้ให้กับธนาคาร 7.4 ล้านล้านหยวนในช่วงครึ่งปีแรก ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น และก็ทำให้เกิดสภาพที่แตกต่างจากญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เพราะแม้ญี่ปุ่นจะก้าวพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ แต่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ก็คาดว่า ตลอดปีนี้จะยังหดตัวราว 6% และจะโตเพียง 0.9% ในปี 2010

ต่งเถา นักเศรษฐศาสตร์ของเครดิตสวิสในฮ๋องกง ให้ความเห็นว่า ปัจจัยเดียวที่ทำให้ญี่ปุ่นยังอยู่ในตำแหน่งที่ครองมานานถึง 40 ปีแล้ว ก็คือ ค่าเงินเยน “ถ้าไม่มีปัจจัยเรื่องค่าเงินเยน จีนคงก้าวขึ้นเป็นอันดับสองไปแล้ว”

ทั้งนี้ เงินเยนยังเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยสูง และยังคงแข็งค่าเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เงินหยวนนั้นยังผูกติดอยู่กับเงินดอลลาร์

ทว่า โทโยโอะ เกียวเต็น ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่น เห็นว่าจีนยังตามหลังเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศหากพิจารณาจีดีพีต่อหัวประชากรของจีนซึ่งต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ “จีนยังต้องใช้เวลาอีก 30 ปีถึงจะมีจีดีพีต่อหัวประชากรไล่ทันสิงคโปร์และญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ราว 40,000 ดอลลาร์”
กำลังโหลดความคิดเห็น