เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลดลงเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัสบดี (17) จากแรงขายทำกำไร แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและมีปัจจัยบวกจากสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯที่ดิ่งลงอย่างแรง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดลบเล็กน้อย หลังผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์บดบังตัวเลขทางเศรษฐกิจอันสดใส
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 72.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน 12 เซนต์ ปิดที่ 71.55 ดอลลาร์
แม้ราคาน้ำมันจะปิดตัวลดลงสืบเนื่องจากแรงทเขายของนักลงทุน แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถทรงตัวอยู่เหนือระดับ 71 ดอลลาร์ จากแรงหนุนของการอ่อนค่าของดอลลาร์ ที่อ่อนค่าที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อเทียบกับยูโร
นอกจากนี้ อีกปัจจัยบวกที่รั้งราคาน้ำมันไว้คือข้อมูลใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ(16) ว่า สต๊อกน้ำมันดิบลดลงอย่างรุนแรง มากกว่าที่คาดหมายเอาไว้ ก่อความหวังด้านอุปสงค์ที่มีมากขึ้นภายในชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (ดีโออี) เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกา ลดลง 4.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 กันยายน หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็ลดลงถึง 6.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลงเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบเมื่อวันพฤหัสบดี (17) เหตุผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่บดบังข้อมูลภาคแรงงานและตัวเลขก่อสร้างบ้าน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 7.79 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,783.92 จุด แนสแดค ลดลง 6.40 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,126.75 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.27 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,065.49 จุด
ในการซื้อขายที่ผันผวน ตลาดเพิกเฉยต่อข้อมูลทางบวกจากรัฐบาลสหรัฐฯที่พบว่าตัวเลขผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันและตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการขออนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ ตลาดถูกครอบงำโดยความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทต่างๆ หลังออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่เผยมีรายได้ลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 5.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้