เอเจนซี - แอฟริกาใต้ไม่มีทางเลือกเว้นแต่ต้องพัฒนาวัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของตนเอง รัฐมนตรีสาธารณสุขระบุเมื่อวันพุธ (26) อ้างถึงความกังวลว่าวัคซีนจะไม่เข้าไปถึงกลุ่มประเทศยากจน
“แอฟริกาใต้ได้มาถึงสถานการณ์ที่เราไม่มีทางเลือกเว้นแต่เริ่มต้นพัฒนาประสิทธิภาพวัคซีนด้วยตนเอง และไม่ใช่แค่เพียงสำหรับเชื้อเอช 1 เอ็น 1 แต่รวมถึงทั่วๆ ไปด้วย” แอรอน มอตโซอาเลดี รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้บอกกับรัฐสภา
“นี่คือสถานการณ์วุ่นวายของโลก ณ วันนี้...ที่มีความกังวลมาจากรัฐมนตรีสาธารณสุขกัมพูชา ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากกระบวนการผลิตวัคซีน ชาติพัฒนาแล้วอาจต้องการให้วัคซีนครอบคลุมพลเมืองของพวกเขาเป็นอันดับแรก ก่อนคิดถึงชาติกำลังพัฒนา” มอตโซอาเลดี กล่าว
อุตสาหกรรมวัคซีนกำลังเติบโตในแอฟริกาใต้ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าประเทศแห่งนี้ยังไม่มีขีดความสามารถเพียงพอในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ในเร็ววันนี้
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคระบาดเมื่อเดือนมิถุนายน และจนถึงเวลานี้มันได้คร่าชีวิตพลเรือนทั่วโลกไปแล้วอย่างน้อย 1,800 ราย หลังจากแพร่กระจายไปเกือบ 180 ประเทศ ในจำนวนนั้นรวมไปถึง 25 ชาติในทวีปแอฟริกาด้วย
ตัวเลขล่าสุดของสถาบันควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสเอช1เอ็น1ในประเทศแล้ว 15 รายและมีผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 คน
ทั้งนี้ มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้หญิงตั้งครรภ์และเด็กๆ ทั่วโลกแล้วกว่า 182,000 ราย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าจะเป็นหลายล้านคนเข้าให้แล้ว
แม้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถรักษาหายได้โดยใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ แต่มีคำแนะนำให้ใช้วัคซีนสำหรับวิธีป้องกันพลเรือนในวงกว้าง
มอตโซอาเลดี กล่าวว่า “น่าเสียดาย...ที่ประเทศกำลังพัฒนาไม่มีความสามารถในการผลิตวัคซีนด้วยตนเองและขณะดียวกัน กระบวนการผลิตทั้งหมดอยู่ในยุโรป อเมริกา รวมไปถึงจีน”