เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ(19) ทะยานขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ หลังพบคลังน้ำมันดิบสำรองสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์อันแข็งแกร่งในชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ราคาน้ำมันได้ผลักให้วอลล์สตรีทดีดกลับมาปิดในแดนบวก หลังช่วงต้นการซื้อขายทรุดลงตามตลาดหุ้นเอเชีย
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันทะยานขึ้นตามหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (19) ว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกาลดลงถึง 8.4 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.5 ล้านบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยังระบุอีกว่าคลังน้ำมันเบนซินสำรองร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ร่วงลง 700,000 บาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นอย่างแรงยังส่งผลให้วอลล์สตรีทเมื่อวันพุธ(19) สามารถกลับมาปิดตลาดในแดนบวกได้สำเร็จ หลังจากช่วงต้นของการซื้อขายแกว่งตัวอยู่ในแดนลบโดยตลอด
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.22 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,279.16 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 13.32 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,969.24 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.79 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 996.46 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงต้นของการซื้อขายตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของตลาดหุ้นในเอเชียที่ปิดลบเป็นทิวแถว โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นก็ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดในแดนบวกได้สำเร็จจากความหวังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ