นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การที่นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิหุ้นไทยเกือบ 40,000 ล้านบาทในช่วงเวลาเดือนเศษนั้น มีสาเหตุมาจาก 2 ปัจจัย คือ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง ทำให้ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งแม้ไม่ใช่สาเหตุหลักแต่ก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ส่วนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทั้ง ส.ว.และ ส.ส.จะได้อภิปรายข้อคิดเห็นต่าง ๆ ด้านรัฐบาลก็จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริง เป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่น่าจะเป็นประโยชน์
ส่วนปัจจัย 2 คือ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นย่านเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยเงินเฟ้อในประเทศอินเดียพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ถึงร้อยละ 11 ประเทศจีน ร้อยละ 8 เป็นต้น ส่งผลให้ต่างชาติเทขายหุ้นเอเชีย โดยดัชนีหุ้นจีนลดลงถึงร้อยละ 50 เวียดนามลดลงร้อยละ 60 ส่วนหุ้นไทยลดลงร้อยละ 15 ถือว่าใกล้เคียงกับการปรับตัวลดลงเมื่อครั้งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้มาตรการกันสำรองร้อยละ 30
สำหรับสาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยลดลงต่ำกว่าเพื่อนบ้านนั้น เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวาและยังมีหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาต่ำที่น่าลงทุน เชื่อว่าปัญหาการเมืองในประเทศนิ่งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทยจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยขณะนี้ดัชนีราคาหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลงเกือบระดับต่ำสุดแล้ว จึงเป็นจังหวะเหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท.คอยติดตามการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยอมรับว่ามีแรงเทขายค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่พบว่ามีแรงซื้อกลับเช่นเดียวกัน โดยนักลงทุนต่างชาติกังวลสถานการณ์การเมือง ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลาในการคลี่คลาย ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะดูแลให้ดีที่สุด โดยยอมรับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขได้ยาก เนื่องจากเงินเฟ้อขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมัน
ส่วนปัจจัย 2 คือ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นย่านเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทย โดยเงินเฟ้อในประเทศอินเดียพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ถึงร้อยละ 11 ประเทศจีน ร้อยละ 8 เป็นต้น ส่งผลให้ต่างชาติเทขายหุ้นเอเชีย โดยดัชนีหุ้นจีนลดลงถึงร้อยละ 50 เวียดนามลดลงร้อยละ 60 ส่วนหุ้นไทยลดลงร้อยละ 15 ถือว่าใกล้เคียงกับการปรับตัวลดลงเมื่อครั้งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้มาตรการกันสำรองร้อยละ 30
สำหรับสาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยลดลงต่ำกว่าเพื่อนบ้านนั้น เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวาและยังมีหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาต่ำที่น่าลงทุน เชื่อว่าปัญหาการเมืองในประเทศนิ่งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทยจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยขณะนี้ดัชนีราคาหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลงเกือบระดับต่ำสุดแล้ว จึงเป็นจังหวะเหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท.คอยติดตามการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยอมรับว่ามีแรงเทขายค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่พบว่ามีแรงซื้อกลับเช่นเดียวกัน โดยนักลงทุนต่างชาติกังวลสถานการณ์การเมือง ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลาในการคลี่คลาย ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะดูแลให้ดีที่สุด โดยยอมรับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขได้ยาก เนื่องจากเงินเฟ้อขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมัน