บล.เอเซียพลัส เน้นลงทุนพอร์ตคาดผลตอบแทน16-18% จากมูลค่าพอร์ต 3 พันล้านบาท ทิ้งงานที่ปรึกษาไอพีโอ เหตุค่าธรรมเนียมต่ำและไม่มีดีลใหญ่ ๆ เล็งลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม-ซีดีโอโกเมนแซค " ก้องเกียรติ " ตั้งเป้างานบริหารพอร์ตลูกค้าเพิ่มเป็น 6 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มี 4 พันล้านบาท –มาร์เกตแชร์ 5.75% ดันกำไรสุทธิปีนี้โต 10-15%
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนพอร์ตการลงทุนปีนี้ 16-18% จากมูลค่าพอร์ตลงทุนรวมเพิ่มเป็น3,000 ล้านบาท หลังจากเดือนตุลาคมนี้บริษัทคาดได้รับเงินจำนวน 900 ล้านบาท จากที่ผู้ถือหุ้นมาใช้สิทธิแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ที่จะครบอายุ จากขณะนี้ที่บริษัทมีพอร์ตลงทุนอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะไม่รวมกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน)1,000 ล้านบาท
สำหรับในวันนี้(29พ.ค.) ตนจะเดินทางไปประเทศเวียดนาม เพื่อศึกษาที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นของประเทศเวียดนาม เพราะมองว่าขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงเหลือประมาณ 400 จุด จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด ซึ่งบริษัทอาจจะเข้าไปลงทุนช่วงที่ระดับดัชนี 300 จุด และที่ผ่านมาได้มีกองทุนโกลเมนแซค ได้เข้ามาพบกันตนเพื่อที่จะเสนอขายตราสารซีดีโอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุน
"ปี50บริษัทมีผลตอบแทนพอร์ตลงทุน18% ซึ่งปีนี้ทำได้ 16-18 % ก็พอใจแล้ว และบริษัทจะลงทุนพอร์ตเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็จะขึ้นอยู่กับโอกาส ซึ่งหากมีโอกาสในการลงทุนบริษัทก็จะมีการลงทุนเพิ่ม ขณะนี้ดูๆ กองทุนที่จะลงทุนเกือบ 10 กองทุน แต่หากไม่มีโอกาสบริษัทก็จะเอาเงินไปพักในตราสารหนี้ โดยปัจจุบันพอร์ตของบริษัทจะลงทุนในประเทศมีเยอะ และเราใกล้ชิดข้อมูล ทำให้มองเห็นโอกาสการลงทุนมากกว่า " นายก้องเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในไตรมาส2/51 จะมีกำไรจากพอร์ตการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น แม้ว่าไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีผลขาดทุน 25 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะได้กำไรจากค่าเงินจากที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งการที่บริษัทมีผลขาดทุนพอร์ตลงทุนต่างประเทศไตรมาส1/51 เพราะ ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย ญี่ปุ่น อินเดีย และการลงทุนBRICที่ปรับตัวลดลง
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 10-15% จากปีก่อนที่ทำไว้ 445 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเน้นทางด้านการลงทุนทั้งการลงทุนลักษณะร่วมทุน การลงทุนในหุ้น การลงทุนต่างประเทศ และการลงทุนในหุ้นที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งบริษัทจะไม่เน้นรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพราะมีรายได้ที่ต่ำมาก และมองว่าดีลไอพีโอขนาดใหญ่ไม่มีให้เห็น แต่อาจจะร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น
สำหรับ ขณะนี้บริษัทมีงานด้านวาณิชธนกิจจำนวน 25 ดีล แบ่งเป็น งานไอพีโอ 6-7 ดีล ที่ปรึกษาควบรวมกิจการ (M&A)3-4 ดีล และที่ปรึกษาในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PO)และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่นักลงทุนทั่วไป (IPO)
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้ที่ 5.75% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี 5.6% และบริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารพอร์ตให้กับลูกค้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท จากขณะนี้มี 4,000 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนพอร์ตการลงทุนปีนี้ 16-18% จากมูลค่าพอร์ตลงทุนรวมเพิ่มเป็น3,000 ล้านบาท หลังจากเดือนตุลาคมนี้บริษัทคาดได้รับเงินจำนวน 900 ล้านบาท จากที่ผู้ถือหุ้นมาใช้สิทธิแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ที่จะครบอายุ จากขณะนี้ที่บริษัทมีพอร์ตลงทุนอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะไม่รวมกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน)1,000 ล้านบาท
สำหรับในวันนี้(29พ.ค.) ตนจะเดินทางไปประเทศเวียดนาม เพื่อศึกษาที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนหุ้นของประเทศเวียดนาม เพราะมองว่าขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงเหลือประมาณ 400 จุด จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด ซึ่งบริษัทอาจจะเข้าไปลงทุนช่วงที่ระดับดัชนี 300 จุด และที่ผ่านมาได้มีกองทุนโกลเมนแซค ได้เข้ามาพบกันตนเพื่อที่จะเสนอขายตราสารซีดีโอ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุน
"ปี50บริษัทมีผลตอบแทนพอร์ตลงทุน18% ซึ่งปีนี้ทำได้ 16-18 % ก็พอใจแล้ว และบริษัทจะลงทุนพอร์ตเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็จะขึ้นอยู่กับโอกาส ซึ่งหากมีโอกาสในการลงทุนบริษัทก็จะมีการลงทุนเพิ่ม ขณะนี้ดูๆ กองทุนที่จะลงทุนเกือบ 10 กองทุน แต่หากไม่มีโอกาสบริษัทก็จะเอาเงินไปพักในตราสารหนี้ โดยปัจจุบันพอร์ตของบริษัทจะลงทุนในประเทศมีเยอะ และเราใกล้ชิดข้อมูล ทำให้มองเห็นโอกาสการลงทุนมากกว่า " นายก้องเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในไตรมาส2/51 จะมีกำไรจากพอร์ตการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น แม้ว่าไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีผลขาดทุน 25 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะได้กำไรจากค่าเงินจากที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งการที่บริษัทมีผลขาดทุนพอร์ตลงทุนต่างประเทศไตรมาส1/51 เพราะ ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย ญี่ปุ่น อินเดีย และการลงทุนBRICที่ปรับตัวลดลง
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 10-15% จากปีก่อนที่ทำไว้ 445 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเน้นทางด้านการลงทุนทั้งการลงทุนลักษณะร่วมทุน การลงทุนในหุ้น การลงทุนต่างประเทศ และการลงทุนในหุ้นที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งบริษัทจะไม่เน้นรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพราะมีรายได้ที่ต่ำมาก และมองว่าดีลไอพีโอขนาดใหญ่ไม่มีให้เห็น แต่อาจจะร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น
สำหรับ ขณะนี้บริษัทมีงานด้านวาณิชธนกิจจำนวน 25 ดีล แบ่งเป็น งานไอพีโอ 6-7 ดีล ที่ปรึกษาควบรวมกิจการ (M&A)3-4 ดีล และที่ปรึกษาในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PO)และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่นักลงทุนทั่วไป (IPO)
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้ที่ 5.75% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี 5.6% และบริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารพอร์ตให้กับลูกค้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท จากขณะนี้มี 4,000 ล้านบาท