เอเอฟพี - จำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในละตินอเมริกา ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในโลก ขยับขึ้นไปเหนือ 1,300 รายแล้วเมื่อวันพุธ(19) หลังจากรัฐบาลของหลายชาติรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ขณะที่ ปธน.อาร์เจนตินา วอนบริษัทผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ยกเลิกสิทธิบัตรเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม
ในช่วงค่ำวันอังคาร (18) บราซิลเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 368 ราย รั้งอันดับ 2 ของภูมิภาคตามหลังอาร์เจนตินาที่พบผู้เสียชีวิตแล้ว 404 รายซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นรองเพียงจำนวน 447 รายของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
เชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 แพร่กระจายในทวีปอเมริกาใต้อย่างกว้างขวางระหว่างที่ซีกโลกใต้อยู่ในช่วงฤดูหนาว และในหลายประเทศก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แซงหน้าไข้หวัดตามฤดูกาลไปแล้ว
ด้วยเหลือเวลาอีกถึงเดือนเศษกว่าที่วัคซีนต้นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะสามารถนำมาใช้ได้ ประกอบกับประเทศร่ำรวยกว้านซื้อวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ไว้เกือบทั้งหมด ชาติในกลุ่มละตินอเมริกากำลังมองไปถึงการละเมิดสิทธิบัตรเพื่อผลิตยาด้วยตนเอง
นางคริสตินา เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ในช่วงค่ำวันอังคาร(18) ยืนยันคำเรียกร้องของเธอที่ขอให้กลุ่มบริษัทยายกเว้นสิทธิบัตรในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสเอช 1 เอ็น 1 เพื่อพวกเขาสามารถผลิตวัคซีนเองได้
“ด้วยกรณีบริษัทยายอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ได้เพียงพอต่อโลก สิทธิทางเศรษฐกิจควรถูกระงับเพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษยชาติ” เธอกล่าว พร้อมระบุว่า อาร์เจนตินา บราซิล และอุรุกวัย ควรร่วมมือกันเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา
ทั้งนี้ ในละตินอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วถึง 1,303 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ขณะที่ องค์การอนามัยโลก เมื่อวันพุธ(12) ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 ทั่วโลกแล้ว 182,166 ราย ในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 1,799 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่พบผู้เสียชีวิต 1,462 ราย กว่า 300 คน
องค์การอนามัยโลกระบุต่อว่า ไข้หวัดมรณะเวลานี้แพร่ระบาดไปยัง 170 ประเทศและดินแดนต่างๆ โดยประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อคือ กานา ตูวาลู และแซมเบีย
ส่วนทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ พบมีผู้เสียชีวิตรวมกันถึง 1,579 คน ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 106 คน และยุโรป 53 คน