กลุ่มผู้สนับสนุนระบบปฏิบัติการมาตรฐานเปิดอย่างลินุกซ์ (Linux) ยืนยันแผนซื้อสิทธิบัตรเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งไมโครซอฟท์เคยซื้อไว้ หวังป้องกันผู้ให้บริการลินุกซ์ไม่ให้ถูกฟ้องร้องว่าละเมิดสิทธิบัตรได้
ด้านไมโครซอฟท์นั้นเปิดให้อัปเดทแพตช์ประจำเดือนกันยายนแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ายังเหลือรูรั่วหรือข้อบกพร่องระดับร้ายแรงอีก 2 จุดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเชื่อว่าไมโครซอฟท์จะเปิดให้ดาวน์โหลดแบบฉุกเฉินภายในเดือนนี้
แผนการซื้อสิทธิบัตรเทคโนโลยีของกลุ่มผู้สนับสนุนนิกซ์ Open Invention Network หรือ OIN ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทชั้นนำของโลกอย่างไอบีเอ็ม (IBM) และเรดแฮท (Red Hat) นั้นถูกระบุว่าจะเป็นการซื้อจากกลุ่ม Allied Security Trust (AST) จำนวน 22 สิทธิบัตร โดยกลุ่ม OIN ออกมายืนยันแผนทันทีหลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นอล (Wall Street Journal) รายงานว่าสิทธิบัตรเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกพูดถึงหลังจากการพบว่ามีการใช้งานในลินุกซ์
AST นั้นเป็นการรวมตัวของบริษัทไอทีที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการฟ้องร้องเรื่องละเมิดสิทธิบัตร ส่วนหนึ่งของสมาชิกรายหลักคือเอชพี (Hewlett-Packard) ไอบีเอ็ม และเวอไรซอน (Verizon) สำหรับ OIN เป็นกลุ่มที่มีแนวคิดให้บริษัทที่ถือครองสิทธิบัตรลินุกซ์มาร่วมเปิดกว้างให้บริษัทอื่นๆสามารถนำสิทธิบัตรเหล่านี้ไปใช้งานได้ โดยเจอร์นอลรายงานว่า กลุ่ม OIN จะแถลงถึงรายละเอียดการซื้อสิทธิบัตรอีกครั้งในเร็ววันนี้
ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์นั้นเคยออกมาประกาศกับสาธารณชนว่า ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นั้นใช้เทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์ถือสิทธิบัตรอยู่ถึง 235 สิทธิบัตร เกิดเป็นกระแสที่ทำให้ผู้ให้บริการลินุกซ์บางส่วนในต่างประเทศกังวลว่าอาจจะถูกฟ้องร้องจากยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของไมโครซอฟท์คือการเปิดอัปเดทชุดแพตช์แก้ไขปัญหา 5 จุดในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) ประจำเดือนกันยายนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จุดนี้ Kostya Korchinsky นักวิจัยด้านความปลอดภัยอาวุโสของบริษัท Immunity Security เชื่อว่าช่องโหว่ในโปรโตคอลแชร์ไฟล์ข้อมูลนาม SMB (Server Message Block) 2 ในระบบปฏิบัติการ Windows Vista และ Windows Server 2008 ซึ่งยังไม่ถูกแก้ปัญหาในชุดแพตช์ครั้งนี้ อาจจะสร้างปัญหาจนทำให้ไมโครซอฟท์ประกาศอัปเดทชุดแพตช์อีกชุดภายในเดือนนี้
Korchinsky ให้เหตุผลว่าข้อบกพร่องที่ยังไม่ได้ถูกแก้ไขนั้นมีความเสี่ยงสูงที่ระบบจะล่มซึ่งจะปรากฏในรูป"จอฟ้า"อย่างที่ผู้ใช้วินโดวส์หลายคนหวั่นใจ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานความเห็นใดๆจากไมโครซอฟท์ในขณะนี้
Company Related Links :
OpenInventionNetwork
MicrosoftSecurityBulletin