xs
xsm
sm
md
lg

“ฮู” ชี้ หมดทางหยุดยั้งหวัด 2009 แล้ว แนะเร่งผลิตวัคซีน-ทุก ปท.ต้องมีใช้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักเรียนสวมหน้ากากป้องกันขณะเข้าชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในกรุงเทพฯ
เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ยอมรับหมดหนทางที่ประเทศต่างๆ จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว และทุกประเทศจำเป็นต้องมีวัคซีนป้องกันหวัดมรณะไว้ในครอบครอง โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นคนกลุ่มแรกที่สมควรได้รับวัคซีน

ดร.มารี ปอล คีนี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีนองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ออกมาเปิดเผยที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันจันทร์ (13) ว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกต่างลงความเห็นภายหลังการหารือกัน ว่า ในขณะนี้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ได้แพร่ระบาดถึงขั้นที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว พร้อมเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้ได้โดยเร็ว แม้ในช่วงก่อนหน้านี้จะมีการประเมินว่า วัคซีนจะไม่พร้อมแจกจ่ายให้กับประเทศต่างๆ จนกว่าจะถึงเดือนกันยายนก็ตาม

คีนี ระบุว่า ทุกประเทศในโลกจำเป็นต้องเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อชนิดนี้หรือไม่ก็ตาม โดยกลุ่มคนที่ควรได้รับวัคซีนก่อนเป็นกลุ่มแรก คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ซึ่งมีภาระในการดูแลผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ยังระบุว่า มีกลุ่มคนอีก 4 ประเภทที่หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง คนที่มีรูปร่างอ้วน และ เด็ก

ขณะที่ มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกมากล่าวเตือนเมื่อวานนี้ (14) ว่า บรรดาประเทศที่ยากจน อาจไม่มีโอกาสได้เข้าถึงวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และมีแนวโน้มที่วัคซีนจะมีการ “กระจุกตัว” อยู่แต่เฉพาะในมือของประเทศที่ร่ำรวย

ชาน พูดเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะผู้แทน 184 ประเทศ ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก หรือ “ดับเบิลยูไอพีโอ” ที่นครเจนีวา เมื่อวานนี้ พร้อมกล่าวเตือนว่า ขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในขณะนี้ค่อนข้างจำกัด และอาจไม่สามารถผลิตวัคซีนให้เพียงพอรองรับประชากรโลกราว 6,800 ล้านคนได้

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยืนยันว่า กำลังหาทางเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนทั้งหลายให้ยอมลดราคาของวัคซีนชนิดนี้ลงมา เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงได้ พร้อมยืนยันว่า ทางองค์การอนามัยโลกกำลังพิจารณาขอความร่วมมือจากประเทศที่ร่ำรวย เพื่อให้ช่วยบริจาคเงิน หรือวัคซีนแก่ประเทศยากจนด้วยเช่นกัน โดยในขณะนี้สามารถเจรจากับบริษัทยารายใหญ่ 2 ราย ให้จัดส่งวัคซีนจำนวน 250 ล้านโดส ไปให้กับประเทศกำลังพัฒนาแล้วทันทีที่วัคซีนพร้อมใช้งาน

ขณะเดียวกัน ทีมวิจัยซึ่งนำโดย ดร.โยชิฮิโระ คาวาโอกะได้ออกมาเผยแพร่ผลการวิจัยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (13) โดยระบุว่า คนที่เกิดก่อนปี ค.ศ.1920 จะมีสารภูมิคุ้มกันประเภทแอนติบอดีในร่างกายหลายชนิด ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ เนื่องจากเคยผ่านยุคที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ครั้งรุนแรงเมื่อปี 1918 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกระหว่าง 50-100 ล้านคนมาแล้ว ทำให้สามารถสรุปได้ว่าผู้สูงอายุที่มีวัย 90 ปีขึ้นไปจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ ขณะที่คนในวัยหนุ่มสาวกลับไม่มี

นอกจากนั้น ผลการวิจัยชิ้นนี้ ยังระบุว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่ได้แพร่กระจายอยู่ในจมูกและลำคอของผู้ติดเชื้ออย่างเช่นไข้หวัดตามฤดูกาลทั่วไป แต่เชื้อมรณะชนิดนี้กลับแพร่กระจายและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงที่ปอดโดยตรง ทำให้มีอันตรายมากกว่า แม้ว่าเชื้อจะยังคงตอบสนองต่อยาต้านไวรัสก็ตาม

ทั้งนี้ รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกแล้วเกือบ 100,000 ราย และมีผู้เสียชีวิต 429 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น