xs
xsm
sm
md
lg

ฮูหวั่นหวัดนรกทำทั่วโลกปิดพรมแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์-องค์การอนามัยโลกหวั่นทั่วโลกสั่งปิดพรมแดน-ห้ามนำเข้าสินค้า หลังเพิ่มระดับเตือนภัยเป็นขั้นสูงสุด พร้อมระบุไม่มีทางเป็นไปได้ที่วัคซีนสำหรับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะพร้อมใช้ก่อนเดือนกันยายน ขณะที่โมร็อกโกพบผู้ติดเชื้อเป็นรายแรก

** อนามัยโลกหวั่นนานาชาติสั่งปิดพรมแดน-ห้ามนำเข้าสินค้า
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเปิดเผยที่เจนีวาว่า เตรียมหารือกับปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกหรือ“ดับเบิลยูทีโอ” และองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ เกี่ยวกับการหามาตรการป้องกันไม่ให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ใช้วิธีปิดพรมแดนและสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศที่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009หลังจากที่มีการประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อชนิดนี้เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (11)
ชานระบุว่า เธอขอคัดค้านอย่างเต็มที่ หากประเทศสมาชิกใดใน193ประเทศขององค์การอนามัยโลกจะนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ เนื่องจากจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างร้ายแรง พร้อมยืนยันว่าการจำกัดการเดินทางของผู้คนและการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการไม่ช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่บันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติยอมรับว่า แม้ทางสหประชาชาติจะไม่เห็นด้วยกับมาตรการจำกัดการเดินทาง การปิดพรมแดน และการห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศที่พบการระบาดแต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีประเทศใดนำมาตรการเหล่านี้มาใช้

** ฮูยันไม่มีวัคซีนก่อนกันยายน
มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกโรงวิงวอนให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลกและบรรดาบริษัทผู้ผลิตยาเร่งหาทางผลิตวัคซีน ที่สามารถใช้รับมือกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1เอ็น1โดยเร็ว พร้อมยอมรับว่าในขณะนี้ทางองค์การอนามัยโลกยังมองไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ ที่โลกจะมีวัคซีนชนิดนี้พร้อมใช้งานก่อนเดือนกันยายน แม้ว่าเมื่อวานนี้ (12)บริษัท
โนวาร์ตีส เอจี บริษัทผลิตยารายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์จะออกมาประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ชุดแรกได้เร็วกว่าที่คาดไว้หลายสัปดาห์ก็ตาม
ชานระบุว่า วัคซีนของโนวาร์ติสซึ่งผลิตขึ้นจากการเพาะเลี้ยงในเซลล์ ไม่ได้ใช้วิธีเพาะเลี้ยงในไข่เหมือนการผลิตวัคซีนทั่วไปต้องผ่านการทดลองในสัตว์ก่อน และยังต้องผ่านขั้นตอนอีกมากก่อนจะนำมาทำการทดสอบในมนุษย์

** ยอดติดเชื้อ29,669ราย ใน 74 ประเทศ
องค์การอนามัยโลกออกรายงานสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ฉบับที่48วานนี้(12)โดยระบุว่าพบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น29,669 รายใน 74 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 145 คน
โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 13,217ราย รองลงมาคือเม็กซิโก6,241ราย และแคนาดา2,978ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียและชิลียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อแล้ว1,307ราย ส่วนในชิลีเพิ่มเป็น1,694 ราย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ยังไม่รวมรายงานของทางการโมร็อกโก ประเทศในแถบตอนเหนือของทวีปแอฟริกาที่ยืนยันเมื่อวานนี้ว่า พบนักศึกษาหญิงวัย 18 ปี คนหนึ่งซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปศึกษาที่แคนาดาติดเชื้อมรณะเป็นรายแรกของประเทศ

**ชาวฮ่องกงใช้ชีวิตตามปกติแม้ฮูเตือนภัยขั้น6
ชาวฮ่องกงยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ โดยไม่วิตกต่อการเพิ่มระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดเป็นระดับสูงสุดขององค์การอนามัยโลก
รายงานข่าวระบุว่าชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ยังดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป แม้บรรดาผู้ปกครองจะยอมรับว่ามีภาระที่ต้องดูแลบุตรหลานที่หยุดเรียนมาอยู่กับบ้านมากขึ้นก็ตาม ขณะที่เจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งในย่านหว่านไจ๋เผยว่า ยอดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในฮ่องกงไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเพราะผู้คนพากันซื้อกักตุนไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งพบผู้ป่วยคนแรกเป็นนักท่องเที่ยวชาวเม็กซิกันเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทางการฮ่องกงยังคงมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิ และเก็บประวัติสุขภาพผู้ที่เดินทางเข้าออกเกาะฮ่องกงต่อไป และมีการสั่งห้ามประชาชนกดลิฟท์ และเครื่องกดเงินอัตโนมัติด้วยมือเปล่าเช่นกัน
** ADBยันพร้อมช่วยชาติเอเชียที่พบการระบาด
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ยืนยันเมื่อวานนี้ (12) ที่กรุงโตเกียวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009มีผลกระทบบ้างต่อการท่องเที่ยวในแถบเอเชียแต่ทางเอดีบีมองว่าสถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ประธานเอดีบีระบุว่า กำลังจับตาสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิดและกังวลว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงหากเชื้อชนิดนี้ยังคงแพร่ระบาดในช่วงที่เกิดการระบาดของ “ไข้หวัดนก” รอบใหม่ในเอเชีย
คุโรดะยืนยันว่า ทางเอดีบีมีความพร้อมในการจัดสรรเงินช่วยเหลือ ให้แก่ประเทศในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นวงเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น