งานเข้า! “เฉลิม” สั่งศึกษาเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนทุกชนิด อย.เผยแรงงานฮิตกินกาแฟสำเร็จรูปไม่ใส่น้ำ

“เฉลิม” สั่ง อย.ศึกษากาเฟอีนเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนทุกขนาน ทั้งชา กาแฟ สำเร็จรูปพร้อมดื่ม น้ำอัดลม เสนอกำหนดปริมาณกาเฟอีนให้เหมาะสมในเครื่องดื่มแต่ละชนิดใหม่ ด้าน อย.รับลูกตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความเสี่ยงฯผลิตภัณฑ์ที่มีกาเฟอีน และเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน คาดนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอาหาร วันที่ 26 พ.ย.นี้

วันที่ 25 พฤศจิกายน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ศึกษาระดับกาเฟอีนในเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน รวมทั้งชา กาแฟ สำเร็จรูปพร้อมดื่ม และน้ำอัดลม เนื่องจากอาจทำให้ประชาชนที่บริโภคเครื่องดื่มดังกล่าวได้รับปริมาณกาเฟอีนในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ ปัญหาที่น่าเป็นห่วง คือ ขณะนี้กลุ่มผู้ใช้แรงงงานบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้มาก หากไม่มีจะใช้กาแฟสำเร็จรูปบรรจุซองรับประทานโดยไม่ผสมน้ำ โดยให้เหตุผลว่าจะมีกำลังดีไม่เหนื่อยง่ายทำงานได้นาน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก จึงจะต้องเร่งศึกษาข้อมูลด้านความปลอดภัยเพื่อประเมินความเสี่ยงเครื่องดื่มดังกล่าวเพื่อที่จะกำหนดปริมาณกาเฟอีนให้เหมาะสมกับเครื่องดื่มแต่ละชนิด

ด้านนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในประเทศไทยเคยมีการศึกษาวิจัยปริมาณกาเฟอีนในเครื่องดื่มบางชนิด แต่ในระยะหลัง มีเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนในท้องตลาดเพิ่มขึ้น อย.จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์ที่มีกาเฟอีน และเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะนำเสนอทางเลือกในการกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในเครื่องดื่มแต่ละชนิด คาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอาหาร ในเวลา 09.30 น.วันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 นี้

“การตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ขึ้น เพื่อศึกษาความเสี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกาเฟอีน และเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน จะเป็นเพียงขั้นตอนการรับหลักการในการศึกษาเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียดว่าจะกำหนดปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มแต่ละชนิดเป็นจำนวนเท่าใด เพราะต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกสักระยะ จากนั้นจึงนำเสนอ รมว.สธ.เป็นผู้พิจารณาต่อไป” นพ.พิพัฒน์ กล่าว

เลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา อย.ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควบคุมปริมาณกาเฟอีนในเครื่องดื่ม 2 ชนิด ได้แก่ เครื่องดื่มผสมกาเฟอีนและกาแฟ เนื่องจากมีส่วนผสมคาเฟอีนในอัตราที่เข้มข้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว จึงได้กำหนดให้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อ 1 ขวดบรรจุ สำหรับเครื่องดื่มผสมกาเฟอีน และ80 มิลลิกรัมต่อ100 ซีซี สำหรับกาแฟ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 21 มกราคม 2547 และ ได้ออกประกาศ อย.ให้ผู้ผลิตจะต้องพิมพ์ ข้อความในฉลากของเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีนว่า “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวดเพราะหัวใจจะสั่น นอนไม่หลับ เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ก่อน” ด้วยตัวอักษร เส้นทึบสีแดง ขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร ในกรอบสี่เหลี่ยมพื้นขาวสีของกรอบตัดกับสีของพื้นฉลากมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2551

นพ.พิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีลุ่มผู้ใช้แรงงงานบริโภคกาแฟสำเร็จรูปบรรจุซองรับประทานโดยไม่ผสมน้ำนั้น ถือเป็นวิธีการบริโภคที่แปลก ไม่ถูกต้อง แต่จะเป็นอันตรายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของร่างกายของแต่ละคนในการรับปริมาณกาเฟอีนซึ่งไม่เท่ากัน บางคนทานเพียงเล็กน้อยก็มีอาการหัวใจเต้นเร็ว ขณะที่บางคนดื่มกาแฟวันละหลายแก้วแต่ไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกาย