เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันร่วงลงอีก 4 เปอร์เซ็นต์ หล่นต่ำกว่า 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วเมื่อวันพุธ(8) หลังรายงานของรัฐบาลสหรัฐฯเผยสต๊อกน้ำมันกลั่นทะยานสูงสุดรอบเกือบ 25 ปี เติมความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่วอลล์สตรีทขยับเล็กน้อยเหตุนักลงทุนชะลอดูตัวเลขผลกระกอบการบริษัทต่างๆ
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ร่วงลง 2.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดลบเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันและนับเป็นราคาปิดต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 19 พฤษภาคม โดยเวลานั้นอยู่ที่ 59.65 ดอลลาร์ ด้านเบรนท์ลอนดอน ปิดที่ 60.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 2.80 ดอลลาร์
คลังน้ำมันกลั่นสำรอง ในจำนวนนั้นรวมไปถึงดีเซล เพิ่มขึ้นถึง 3.7 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล จากรายงานรายสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ)
นอกจากนี้รายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ยังระบุอีกว่าคลังน้ำมันเบนซินก็ขยับไปในทิศทางเดียวกัน โดยขยับขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล แม้ว่าจะเป็นช่วงหยุดยาวเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้รถใช้ถนนมากที่สุดของฤดูกาลขับขี่ก็ตาม
ราคาน้ำมันดิ่งลงจากระดับ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนมิถุนายน ขณะที่คาดหมายกันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจสะดุดและสต๊อกน้ำมันสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้นตามแนวทางของอุปสงค์ที่อ่อนลง
โอเปก เมื่อวันพุธ(8) เผยมุมมองต่อทิศทางพลังงานโลกในปี 2009 ว่าการบริโภคน้ำมันจะไม่กลับคืนสู่ระดับโดยเฉลี่ยของปี 2008 ที่ 31 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนกว่าจะถึงปี 2013
ด้านวอลล์สตรีทในวันพุธ(8) ปิดการซื้อขายเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เหตุนักลงทุนชะลอดูตัวเลขผลกระกอบการบริษัทต่างๆที่จะเปิดเผยออกมาในช่วงนี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 14.81 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,178.41 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 1.00 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,747.17 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.47 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 879.56 จุด