เอเอฟพี - เวิลด์อีโคโนมิกฟอรั่ม (World Economic Forum - WEF) เมื่อวันอังคาร (7) เปิดเผยข้อมูลจาก "รายงานความสามารถที่จะทำการค้าของทั่วโลก" (Global Enabling Trade Report) ซึ่งระบุว่า สิงคโปร์และฮ่องกงจัดเป็นเขตเศรษฐกิจที่สามารถดึงดึดการค้าได้ดีที่สุด ขณะที่สหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 16 เนื่องจากนักลงทุนหวั่นเกรงปัญหาอาชญากรรมและการก่อการร้าย
รายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นปีที่สองแล้ว โดยรวบรวมข้อมูลจาก 121 ประเทศและดินแดน และมุ่งประเมินผลงานของสถาบันต่างๆ ตลอดจนนโยบายและบริการต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดการไหลเวียนสินค้าเข้าออกในแต่ละประเทศ จากนั้นจึงจัดทำเป็น "ดัชนีความสามารถที่จะทำการค้า" ขึ้น
WEF ระบุว่าสิงคโปร์และฮ่องกงนั้นนอกจากจะมีบรรยากาศที่เหมาะกับการทำธุรกิจแล้ว "ยังมีโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการขนส่งและโทรคมนาคมที่ก้าวหน้าซึ่งให้ความมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว"
ส่วนประเทศและดินแดนที่ติดสิบอันดับแรกของดัชนีดังกล่าวถัดจากสิงคโปร์และฮ่องกง ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน แคนาดา นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์
รายงานบอกอีกว่า สหรัฐฯ อยู่ในภาวะ "ไม่สม่ำเสมอ" เพราะแม้จะมีคะแนนดีในส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และมีประสิทธิภาพในด้านระบบภาษีศุลกากรตลอดจนขั้นตอนในเรื่องการนำเข้า-ส่งออกสินค้า แต่บรรยากาศทางธุรกิจก็ยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจได้น้อยกว่าที่สามารถทำได้
"ประเด็นที่นักธุรกิจกังวลกันมากก็คือเรื่องความมั่นคง เพราะพวกเขามองว่าภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและอาชญากรรมและความรุนแรงต่างๆ จะทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจสูงขึ้น"
นอกจากนั้น รายงานยังกล่าวถึงปัญหาอีกข้อหนึ่งของสหรัฐฯ คือ "การเข้าถึงตลาดได้อย่างจำกัด"
ส่วนญี่ปุ่นนั้นรั้งอันดับที่ 23 โดยมีคะแนนในส่วนบริการด้านการขนส่งดี แต่ "มีปัญหาการเข้าถึงตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเห็นได้จากการตั้งกำแพงภาษีสูงกับสินค้าทางการเกษตร และมีระบบจัดเก็บภาษีที่ซับซ้อน"
จีนอยู่ในอันดับที่ 49 เนื่องจากมีการตั้งกำแพงภาษีป้องกันการนำเข้าสินค้า และยังต้องปรับปรุงโครงข่ายการขนส่งทางอากาศให้ดีขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย